Top Banner
[นิยายญี่ปุ่นแปลไทย] Arifureta shokugyou de sekai Ch.0 - บทนา ท่ามกลางความมืด, แสงสว่าง จางหายไป. แม้จะไม่รู้สึกตัว ก็ได้ ยื่นแขนออกไปเพื่อจับต้องอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่พบอะไรเลย, ณ ขณะที่ร่วงหล่น รู้สึกได้ถึงความกดดันในส่วนลึกของพื้นทีข้างล่าง. ใบหน้าของ นากุโมะ ฮาจิเมะ บิดเบี้ยวไปด้วยความ หวาดกลัว ขณะทีแสงสว่างเริ่มหายไปจากสายตา. ในตอนนี, ฮาจิเมะ กาลังร่วงหล่นไปในหุบเหวลึก ที่เป็นเหมือนกับ ทางเข้าสู่ขุมนรก. แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่มองเห็นได้ คือแสง ของดวงไฟจากจากพื้นด้านบน. ตัวเขาที่ดาดิ่งลงไปเรื่อยๆจนแสงสว่างไม่อาจส่องถึง, สิ่งรอบข้าง กลายเป็นความมืดมิด, ฮาจิเมะ สอดส่องดูดันเจี้ยน, ที่ปากโพง ทางด้านข้าง
1187

นิยายญี่ปุ่นแปลไทย] Arifureta shokugyou de sekai · ว่า เรื่องนั้นคงเป็นเพราะ...

Nov 06, 2019

Download

Documents

dariahiddleston
Welcome message from author
This document is posted to help you gain knowledge. Please leave a comment to let me know what you think about it! Share it to your friends and learn new things together.
Transcript
  • [นิยายญี่ปุ่นแปลไทย] Arifureta shokugyou de sekai

    Ch.0 - บทน า

    ท่ามกลางความมืด, แสงสว่าง จางหายไป. แม้จะไม่รู้สึกตัว ก็ได้ยื่นแขนออกไปเพ่ือจับต้องอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่พบอะไรเลย, ณ ขณะที่ร่วงหล่น รู้สึกได้ถึงความกดดันในส่วนลึกของพ้ืนที่ข้างล่าง. ใบหน้าของ นากุโมะ ฮาจิเมะ บิดเบี้ยวไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ แสงสว่างเริ่มหายไปจากสายตา. ในตอนนี้, ฮาจิเมะ ก าลังร่วงหล่นไปในหุบเหวลึก ที่เป็นเหมือนกับ ทางเข้าสู่ขุมนรก. แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่มองเห็นได้ คือแสงของดวงไฟจากจากพ้ืนด้านบน. ตัวเขาที่ด าดิ่งลงไปเร่ือยๆจนแสงสว่างไม่อาจส่องถึง, สิ่งรอบข้างกลายเป็นความมืดมิด, ฮาจิเมะ สอดส่องดูดันเจี้ยน, ที่ปากโพงทางด้านข้าง

  • เขามองเห็นแสงไฟหมุนเวียนอยู่ ใน ขณะ ที่สายลมพัดผ่านตัวเขาไป. ฮาจิเมะที่เป็นคนญี่ปุ่น, กับความไม่เสมอภาคที่ตัวเขาได้รับตอนมายังโลกแห่งนี้นั้นมันช่างล าบากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นค าพูด และ ความหวังนั้นได้ถูกท าลายจนสิ้นโดยโลกแฟนตาชีแห่งนี้, อุปสรรคอันยากเข็ญ ที่ฮาจิเมะต้องพบเจอ ก าลังก่อตัวขึ้นในหนทางข้างหน้า. * * * วันจันทร,์ วันที่แสนน่าเหนื่อยใจที่สุดก าลังเริ่มขึ้น. ส าหรับ คนส่วนใหญ่แล้ว, วันนี้เป็นวันที่ชวนให้อยากถอนหายใจ, ในขณะที่วันก่อนหน้านัน้จะเป็น สรวงสวรรค์ของพวกเขา. ส าหรับความคิดแบบนี้ แม้แต่กับ นากุโมะ ฮาจิเมะเอง ก็ไม่มีข้อยกเว้น. ถึงอย่างนั้น ในกรณีของ ฮาจิเมะ มันไม่ใช่แค่เรื่องน่า

  • ร าคาญธรรมดาทั่วไป โรงเรียนที่ดูให้ความรู้สึกสบายๆ แต่กลับเป็นตัวการที่ท าให้เกิดรู้สึกแย,่ บางที อาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกหดหู่ใจอยู่ก็ได้. เหมือนอย่างเช่นเคย, พอกระดิ่งสุดท้ายดังขึ้น, ฮาจิเมะเลื่อนประตูเพ่ือเข้าไปยังห้องเรียน ด้วยร่างกายที่อ่อนล้า จากการโต้รุ่งทั้งคืน. ใน ขณะนั้นเอง ฮาจิเมะ ก็ถูกจ้อง และ มีเสียงเดาะล้ินขัดใจ จากกลุ่มนักเรียนชาย ภายในห้อง. กลุ่มนักเรียนหญิงเองก็มีสีหน้าไม่พอใจเหมือนกัน. ถ้าถูกท าเป็นเมินเฉยใส่ มันก็ไม่เป็นไรหรอก, แต่กลับมีคนที่ท าสีหน้าดูถูกมองมาที่ตัวเขานี่สิ. ฮาจิเมะ พยายามท าเป็นไม่ใส่ใจ แล้วตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง,

  • แต่ว่า มันก็มักจะมีไอ้คนที่ชอบมายุ่งกับเขาอยู่ทุกครั้งไป "เฮ้ย คิโม่ย*ตะ เล่นเกมโต้รุ่งอีกแล้วรึไง? คงจะเป็นเอโระเกม ละสินะ?" (คิโม่ย = ขยะแขยง ) "อุหวา น่าขยะแขยง โต้รุ่งเล่มเกมโป๊ทั้งคืนเนี่ยนะ โคตรจะน่าขยะแขยงเลยว่ะ" มันน่าขนัจนต้องหัวเราะเยาะดังล่ันขนาดนั้นเลยรึไง? เสียงหัวเราะดังมากจาก ฮิยามะ ไดสึเกะ. หมอนี่เป็นหัวโจกของพวกนักเรียนที่ชอบมาหาเรื่อง ฮาจิเมะ เป็นกิจวัตร. อีกสามคนที่หัวเราะแบบโง่ๆ อยู่ถัดไปจากเจ้าตัว คือ ไซโต้ โยชิกิ, คอนโด เรย์อิจิ, นากาโนะ ชินจิ สี่คนนี้คือกลุ่มคนที่ชอบมาหาเรื่อง ฮาจิเมะเป็นประจ า. อย่างที่ ฮิยามะได้ว่ามา, ฮาจิเมะนั้นเป็นโอตาคุ. แต่ทั้งลักษณะ

  • ท่าทาง และ พฤติกรรม ก็ไม่ใช่จะแย่ถึงขนาดจะเรียกว่า "คิโม่ยตะ" หรือ ถูกหัวเราะเยาะ. ผมของฮาจิเมะนั้นตัดสั้น แล้วก็ไม่ได้ดูกระเชอกระเซิงเลย. ไม่ใช่คนที่มีบุคลิกกล้าแสดงออก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ต่อต้านสังคม, อีกอย่าง ฮาจิเมะนั้น ก็คุยตอบกับคนอื่นอย่างชัดถ้อยชัดค า. เขาเป็นคนเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าขยะแขยงอะไรเลย. ฮาจิเมะ ก็ชอบอะไรธรรมดาทั่วไปอย่าง มังงะ, ไลท์โนเวล, เกม และก็ภาพยนตร์ต่างๆ. เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่โอตาคุได้รับจากสังคมนั้นค่อนข้างรุนแรง, ส่วนมากก็พูดในระดับ เชิงเยาะเย้ยจิปาถะ แต่ก็ไม่เคยจะท าการต่อต้านอะไรที่โจ่งแจ้งนัก. ถึงอย่างนั้น ท าไมพวกนักเรียนชายถึง ดูถูกกันแบบไม่ยั้ง ทั้งแสดงตัวเป็นศัตรูขนาดนี้?

  • ค าตอบนั้นก็คือ เพราะผู้หญิง. "นากุโมะคุง อรุณสวัสดิ์จ้ะ! เกือบจะมาสายเหมือนทุกทีเลยนะ น่าจะมาเร็วกว่านี้สักหน่อย" เด็กสาว เดินเข้ามาหา ฮาจิเมะ พร้อมรอยยิ้ม. ในห้องนี้ ไม่สิ ทั้งโรงเรียนนี้, เธอเป็นเพียงคนเพียงไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับฮาจิเมะอย่างเป็นมิตร. ชื่อของเธอคือ ชิราซากิ คาโอริ. เป็นที่รู้จักกันในฐานะ หนึง่ในสองนางฟ้าของโรงเรียนแห่งนี้, เป็นที่นิยมทั้งในหมู่นักเรียนชาย และหญิง ความสวยของเธอเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว. คาโอริ มีผมตรงยาวเงางามสีด าที่ยาวไปถึงเอว, ตาโตสดใสดูบอบบาง ให้ความรู้สึกถึงความอ่อนโยน. ดั้งตรง เล็กๆ, แล้วก็ริมฝีบางสีซากุระ ท าให้ดูสมบูรณ์แบบ. เป็นเด็กสาวที่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ, เอาใจใส่ผู้อ่ืน มี

  • ความรับผิดชอบสูง ซึ่งท าให้คนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นชั้นปีไหนก็มักจะพึงพาขอความช่วยเหลือจากเธอ. เป็นคนที่จะแสดงถึงความจริงใจโดยปราศจากความรู้สึกที่ท าให้ไม่สบายใจอยู่เสมอ เพราะแบบนั้น ถึงเป็นเร่ืองที่เชื่อได้ยากจริงๆว่าเธอเป็นแค่นักเรียน ม.ปลาย. แล้วท าไมคนอย่าง คาโอริ ถึงปฏิบัติตัวกับ ฮาจิเมะ ดีนัก? สิ่งนี้เป็นเหตุที่ท าให้ฮาจิเมะ ข่มตาหลับไม่ลงหลายๆคืน แล้วก็ ส่งผลถึงการเรียนด้วย (ลงเอยด้วยการที่ฮาจิเมะมีเกรดเฉลี่ยต่ าเต้ียในระดับทั่วๆไป), คิดว่า เร่ืองนั้นคงเป็นเพราะ ความเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอัธยาศัยดีของคาโอริ ที่จะปฏิบัติกับคนอื่นโดยไม่ถือตัว. ท่าทีของพวกนักเรียนในห้องของฮาจิเมะคงจะดีขึ้นกว่านี้ ถ้าคาโอริไปท าตัวสนิทสนมแบบนี้กับหนุ่มหล่อ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมนัก็คงจะเป็นเรื่องที่พอยอมรับกันได้,

  • แต่โชคไม่ดี ที่ฮาจิเมะ เป็นแค่คนธรรมดาทั่วๆไป, อีกอย่างไอ้ชื่อเสียงของฮาจิเมะ กับ ความคิดที่ว่า "ชีวิตเพื่องานอดิเรก" มันไม่ได้ท าให้คนอื่นๆมองเขาดีขึ้นมาเลยสักนิด. กับคนอย่างฮาจิเมะที่ดูท าตัวสนิทสนมกับคาโอริแบบนั้น, พวกนักเรียนชายคนอื่นเลยยอมรับกันไม่ได้ พวกเขามักจะคิดว่า "ท าไมถึงเฉพาะหมอนี่?" พวกนักเรียนหญิงก็เชื่อกันว่าเพราะฮาจิเมะ หลอกใช้ความใจดีของคาโอริ, เพราะอย่างนี้มันถึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจส าหรับฮาจิเมะจริงๆ. "อ่า...อรุณสวัสดิ์ ชิราซากิ ซัง" อ้าว ซากิเหรอ!? ก็อยากจะพูดแบบนั้นไปอยู่หรอก, แต่เพราะเห็นสายตาจ้องเขม็งมา ฮาจิเมะจึงได้แต่ ทักตอบกลับไป โดยที่ยิ้มแหยงๆเพราะความล าบากใจ. แล้วคาโอริก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจออกมา. ท าไมเธอ

  • ถึงได้ท าสีหน้าแบบนั้น? ยิ่งกว่านั้น สายตาก็ทิ่มแทงมาจนท าให้เจ้าตัวเหงื่อแตกพลั่ก. ฮาจิเมะ สงสัยแบบนั้นอยู่ทุกครั้ง. ท าไมคนอย่างคาโอริ, คนที่ถูกยกย้องว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในโรงเรียน ถึงได้มาคบหาพูดคุยกับคนอย่างเขา. ในสายตาของฮาจิเมะ มันมีบางสิ่งบางอย่างใน การกระท าของคาโอริ ที่เขายังไม่ได้คิดถึง. ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะเข้าข้างตัวเองว่านั่นเป็นความรู้สึกรักชอบอะไร. ตัวของ ฮาจิเมะเอง ได้ยอมรับสภาพของตัวเองที่อุทิศตัวให้กับงานอดิเรกของตัวเอง. เพราะขาดการเอาใส่ดูแลตัวเอง รูปร่างหน้าตาถึงอยู่ในระดับปกติทั่วๆไป ซึ่งนั่นก็รวมถึงความสามารถด้านกีฬาของเจ้าตัวด้วยเช่นกัน. เพราะงั้นถ้าเอาเขามาเทียบกับเธอ, มันไมไ่ด้ใกล้เคียงกับค าว่า "ดี

  • พอ"เลย. เพราะฉะนั้น การกระท าของเธอจึงเป็นอะไรที่เป็นปริศนาเป็นอย่างมาก. นอกจากนั้นแล้ว, จะช่วยรู้สึกตัว ถึง"พายุซากิ" ที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นหน่อยจะได้ไหมคร้าบบ! ฉันร่ าร้องออกมาภายในห้วงลึกสุดข้างในใจ. ถ้าพูดออกมาดังๆ มีหวังคงโดนซิวไปหลังโรงยิมแน่เลย... พอตั้งใจจะตัดบทสนทนา, นักเรียนอีกสามคนก็เข้ามาใกล้พวกเรา. "นากุโมะคุง อรุณสวัสดิ์ ต้องล าบากทุกวันเลยนะ" "คาโอริ มาช่วยดูแลฮาจิเมะอีกแล้วเหรอ? จริงๆเลย จะใจดีไปถึงไหน" "ใช่แล้ว ไม่ว่าจะพูดอะไรกับไอ้คนที่ไม่กระตือรือร้นอย่างหมอนี้ไป

  • มันก็เปล่าประโยชน์" ชื่อของเด็กสาวที่ทักทายฮาจิเมะ จากนักเรียนสามคนนั้น ก็คือ ยาเอะกาซิ ชิซึกุ. เพื่อนสนิทของคาโอริ. จุดเด่นของเธอก็คือผมด ายาวมัดเป็นทรงหางม้า. ดวงตาแหลมคม, แต่ลึกๆแล้วก็รู้สกึถึงความอ่อนโยน, ให้ความประทับใจถึงความเท่ มากกว่าจะเป็นเย็นชา. ส าหรับผู้หญิงนับว่าเป็นคนทีสู่งทีเดียว ส่วนสูง 172 cm,ท่าทาง และ รูปร่างดูสง่า ดูคล้ายๆกับซามูไรเลยแหละ. อันที่จริงแล้ว ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของโรงฝึกเคนจูสึ* (มีความหมายว่า "เคล็ดวิชาแห่งดาบ" เป็นสไตล์ใหม่ของ เคนโด้ และ ไอคิโด ที่เริ่มเผยแพร่ใน ศตวรรษ ที่20). ชิซึกุเองนั้นเป็นผู้ช่ าชองในสไตล์ดาบของครอบครัวเธอ. ตั้งแต่ยังเด็ก, เธอไม่เคยแพ้ในการแข่งเลยสักครั้ง.

  • ในตอนนี้มีรูปของเธอลงในนิตยาสาร ในหัวข้อ "นักดาบสาวสวย" แล้วก็ยังมีพวกแฟนคลับที่คลั่งไคล้เธออยู่ด้วย. พวกผู้หญิงรุ่นน้องต่างก็เรียกเธอว่า "ท่านพี่" เพราะความนับถือที่มีต่อเธอ. คนถัดมา, ที่พูดจาเทอะทะ กับ คาโอริ คือ อามาโนะงาวะ โคคิ. เหมือนกับชื่อเป็นผู้ชายที่ดูจะเพอร์เฟค, หน้าตาดี, กีฬาเก่ง, หัวด ีแล้วก็มี บคุลิก ดี. ผมสีน้ าตาล แววตาดูอ่อนโยน. รูปร่างสูงบาง ราวๆ 180 cm. โคคิดีกับทุกคน มีความยุติธรรมสูง. ตั้งแต่ยังเด็กก็เข้าโรงฝึก เคนจูสึ ของบ้าน ยาเอะกาซิ. เหมือนกันกับ ชิซึกุ เขาเป็นนักกีฬาระดับชาติ. ชิซึกุกับเขาเป็นเพ่ือนสมัยเด็กกัน. สาวๆนับไม่ถ้วน หลงรักหมอนี,่ แต่เพราะเจ้าตัวก็มักจะอยู่กับ คาโอริ แล้วก็ ชิซึกุ อยู่เสมอ ผู้หญิงคนอื่นๆจึงลังเลที่จะสารภาพรักกับเจ้าตัว. แต่ถึงยังงั้นก็ยัง

  • เป็นผู้ชายที่เป็นที่นิยมถึงขนาดถูกสาภาพรักอย่างน้อยสองครั้งในหนึ่งเดือนเลยทีเดียว. คนสุดท้าย เป็นคนที่ให้ความรู้สึกเป็นคนบ้าระห่ า ชื่อเขาหมอนี่คือ ซากางามิ เรียวทาโร,่ เป็นเพ่ือนสนิทของโคคิ. เป็นพวกที่ในสมองมีแต่กล้ามเนื้อ ที่ไม่คิดจะสนเรื่องละเอียดอ่อน. รูปร่างนี่อย่างกับหมี สูงประมาณ 190 cm. ดวงตาเต็มไปด้วยความเริงร่า และ เฉียบคม. เรียวทาโร่ เป็นพวกเลือดร้อน ชอบคนที่กระตือรือร้นเหมือนกันกับเขา. ที่ไม่ชอบฮาจิเมะ ก็เพราะวิถีการใช้ชีวิตที่มัวหมองของเจ้าตัว. แม้แต่เดี๋ยวนี้ เขาก็ยังเลือกที่จะเมินเฉยฮาจิเมะ. "อรุณสวัสด์ิ ยาเอะกาซิซัง, อามาโนะคาวะคุง, ซากางามิคุง...อ่า...มันก็ช่วยไม่ได้หรอก ยังไงก็เป็นความผิดฉันเองแหละ" กับการทักทายของทั้งสามคน ฮาจิเมะได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ "พูดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้นออกมาได้ไงเล่า!?" ก็อยากจะพูดไปแบบนั้นอยู่

  • หรอก แต่เพราะสายตาที่จ้องมาเลยท าให้พูดไม่ออก. หญิงสาวทังสองคนนี้ เป็นคนที่ป๊อปเอามากๆ ชื่อเสียงของ ชิซึกุเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคาโอริเลย. "ถ้ารู้อยู่แล้ว ท าไมไม่แก้ไข? นายน่ะเอาแต่พึ่งพาความใจดีของคาโอริ ที่เธอท าแบบนี้ก็เพ่ือให้นายได้ปรับปรุงตัวรู้บ้างรึเปล่า?" โคคิกล่าวตักเตือนฮาจิเมะ. ในสายตาของโคคิ, เขาเห็นฮาจิเมะไม่ได้รู้สึกส านึกในความใจดีของคาโอริเลย. ใช่ว่าอยากจะถูกท าดีด้วยสักหน่อย! อันที่จริงปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ! ฉันอยากจะเถียงหมอนี่ไปแบบนั้นละนะ, แต่ว่าถ้าท าแบบนั้นก็มีแต่จะเป็นปัญหายิ่งกว่าเดิม. จะไปต่อปากต่อค่ ากับโคคิไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเจ้าตัวเป็นคนที่คิดว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ. ถึงจะบอกให้ "แก้ไข" งานอดิเรกของเจ้าตัว, แต่ว่างานอดิเรกนี้น่ะ

  • มันคือชีวิตของเขา. เพราะว่าพ่อของฮาจิเมะเป็นนักสร้างเกม ส่วนแม่ก็เป็นนักเขียนการ์ตูน, ในอนาคต ฮาจิเมะก็อยากจะท างานพิเศษในที่ท างานของพ่อหรือแม่ของเขา. อีกอย่างตอนนี้ฮาจิเมะก็ได้ริเริ่มฝึกปรือทักษะของเขาแล้ว, และงานอดิเรกของเจ้าตัวก็เหมาะเจาะกับแผนในอนาคตแล้วด้วย. ฮาจิเมะ ไม่ไดรู้้สึกอย่างจะเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าได้ตั้งใจอย่างจริงจังกับเรื่องนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว. ถ้าหาก คาโอริ ไม่ให้ความสนอกสนใจในตัวของเขาแล้วละก็, เขาก็คงได้ใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนที่สงบสุขกว่านี้. "ฮ่ะ ฮ่ะฮ่ะ..." ฮาจิเมะหัวเราะเจื่อนๆ ปล่อยเรื่องไป. ถึงอย่างนั้น คุณเทพธิดาที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาก็ได้ทิ้งระเบิดลงทุ่งเหมือนเช่นเคย.

  • "โคคิคุง พูดอะไรน่ะ!? ที่คุยฉันมาคุยกับนากุโมะคุง ก็เพราะว่าฉันอยากจะคุย" ทั้งห้องเรียนเงียบกริบ. ต่อค าพูดของคาโอริ พวกนักเรียนชายก็จ้องตาเขม็งทั้งกัดฟันเอี๊ยดอ๊าด. แล้วก็เริ่มคิดกันใหญ่ว่าพอพักเที่ยงจะลากฮาจิเมะคุงไปที่ไหนดี. "อา?...งั้นเหรอ คาโอรินนี่เป็นคนดีจริงๆ" ดูเหมือนโคคิจะรับฟังค าตอบของคาโอริเกี่ยวกับฮาจิเมะแต่เพียงผิวเผิน. โคคิน่ะเป็นคนดีคนหนึ่ง, แต่ก็ขาดความเข้าใจในความหมายของค าพูดที่คาโอริได้พูดออกมา. ฮาจิเมะใช้เวลานี้เหม่อมองไปยังท้องฟ้าเพ่ือหลบหนีจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้. "...ขอโทษนะ ทั้งสองคนไม่ได้ต้ังใจจะพูดจาหยาบคายหรอก แต่..."

  • ในที่นัน้ คนที่เข้าใจคนอื่นได้ดีที่สุด, ชิซึกุ เธอพูดขอโทษฮาจิเมะเบาๆ. ฮาจิเมะตอบกลับ "ไม่เป็นไรหรอก" แล้วยักไหล่ยิ้มให้. แล้วเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มชั่วโมงเรียน, พออาจารย์ของพวกเขาเข้าห้องมา ก็ได้เริ่มสอนเหมือนปกติ ส่วนฮาจิเมะก็เริ่มเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน ใน ขณะที่ชั่วโมงเรียนเริ่มขึ้น. พอมองดูฮาจิเมะ คาโอริก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ชิซึกุก็ยิ้มตาม พวกนักเรียนชายก็กระดกด้ิน ส่วนพวกนักเรียนหญิงก็จ้องมองเขาอย่างดูถูก.

    * * *

  • ฉันเริ่มกลับมารู้สึกตัว เพราะรู้สึกถึงความเอะอะของห้องเรียน. เพราะการงีบหลับที่เป็นนิสัย ก็เลยจะพอรู้ช่วงเวลาในตอนที่ตื่น. ความรู้สึกที่ว่านั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าถึงช่วงเวลาพักเที่ยงแล้ว. ฮาจิเมะ เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ แล้วหยิบเอาอาหารกลางวันของเขาออกมา ด้วยเสียงเบาๆ พอมองดูรอบๆ คนที่จะไปซื้ออาหารกลางวันก็ออกจากห้องกันไปแล้ว เพราะอย่างนั้นจ านวนคนที่อยู่ในห้องจึงลดลง. ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนเหลืออยู่สองในสาม กับเข้ากล่องที่พวกเขาถือมาเอง, ใน ขณะนั้นอาจารย์วิชาสังคมในคาปเรียนที่สี่ ฮาตาเกะยามะ ไอโกะ (อายุ 25) ก็ก าลังคุยอยู่กับเหล่านักเรียนใกล้ๆโต๊ะครู. ในทันใด หลังจากจัดการกับมื้อกลางวันของตัวเองเสร็จ ฮาจิเมะก็คิดจะงีบอีกครั้ง. ทว่า คุณนางฟ้าท่านหนึ่ง กลับไม่ยอมให้เจ้าตัว

  • ท าเช่นนั้น, ส าหรับฮาจิเมะแล้วเธอคนนี้เป็นมารร้ายชัดๆ, เธอยิ้มพร้อมกลับก้าวเท้าเข้ามาที่โต๊ะของเขา. ฮาจิเมะ ตะโกนภายในใจ "บ้าเอ้ย!" ดูเหมือนว่าวันจันทร์จะเป็นวันที่เจ้าตัวจะรู้สึกง่วงเป็นพิเศษ. ปกติแล้ว ก่อนที่ คาโอริกับพวก จะมาพูดคุยกับเขา, ฮาจิเมะจะไปหาที่นอนที่อื่นแล้ว, แต่เพราะการโต้รุ่งสองคืนติดก็ได้ส่งผลต่อร่างกายเจ้าตัวเช่นนี้. "นากุโมะคุง หายากเลยนะที่จะเห็นเธออยู่ในห้องตอนช่วงมื้อกลางวันแบบนี้. อ๊ะ พกข้าวกล่องมาด้วยเหรอ? ถ้างั้นมาทานด้วยกันเถอะ" อีกครั้งหนึ่ง บรรยากาศคุกรุ่นปกคุมไปทั่วหอ้งเรียน, ฮาจิเมะร่ าร้องจากหัวใจ "ไม่เอา ไม่ต้องมาสนใจกระโผ้มมหรอก"

  • โดยไม่ได้ตั้งใจ ส าเนียงแปลกๆเกือบหลุดออกจากปากเจ้าตัวไปซะแล้ว ฮาจิเมะพยายามจะบอกปฏิเสธ. "อ่า ขอบคุณที่ชวนนะ ชิราซากิซัง แต่ว่า ฉันทานเสร็จแล้วล่ะเพราะงั้นไปทานกับคนอื่นเถอะ" พูดแบบนั้น ฉันก็โชว์กล่องข้าวที่ว่างเปล่าให้เจ้าตัวดู. ที่ไปปฏิเสธ ค าชวนแบบนี้ คนอื่นก็คงคิดละว่า "เอ็งเป็นใครกันฟร้า?" แต่ว่า มันก็คงดีกว่าการที่จะโดนหาเรื่องในภายหลังละนะ. ถึงอย่างนั้น การปฏิเสธระดับแค่นั้นก็ไม่อาจจะหยุดยั้งคุณแม่เทพธิดาองค์นี้จากการพยายามต่อได้. "เอ๋? ทานแค่นัน้เองเหรอ? ไม่ได้นะ ต้องทานให้เยอะกว่านี้สิ ฉันจะแบ่งข้าวกล่องของฉันให้นะ" (ขอทีเถ้ออออ! รู้สึกตัวสักที! ดูบรรยากาศหน่อยสิแม่คุ้ณณ!)

  • ทันใดนั้นเอง ผู้ช่วยเหลือของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น ในตอนที่ตัวฉนัเร่ิมจะเหงื่อแตกพลั่กออกมาจากความเครียดที่พุ่งปรี๊ดนั่นเอง. กลุ่มของโคคิก็โผล่มา. "คาโอริ มาทานข้าวด้วยกันเถอะ. ดูเหมือนนากุโมะคุง ยังหลับไม่เต็มอิ่มนะ ฉันยอมให้คนที่ง่วงหนาวหาวนอนอยู่ มาทานขา้วกล่องแสนอร่อยของคาโอริไม่ได้หรอก" คาโอริหัวเราะเบาๆ กับค าพูดของโคคิ. ส าหรับคนที่พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้โดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอย่างโคคิ ทั้งค าพูดและร้อยยิ้มกระซากใจสาวของเขากลับไม่มีผลอะไรกับคาโอริเลยแม้แต่น้อย. "เอ๋? ไม่อนุญาตเร่ืองอะไรกันแน่ละนั่น?" ชิซึกุ หัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ต่อกับ การตอบสนองของคาโอริ. โคคิก็หัวเราะตาม แล้วก็เริ่มคุยเร่ือยเปื่อยกัน. สี่หน่อที่สุดแสนจะโด่งดังก็ยังรวมตัวกันอยู่รอบๆโต๊ะของฮาจิเมะ ซึ่งก็ท าให้สายตาที่จ้องเขม็งมาที่เขาไม่ได้ลดความเข้มข้นลงเลย.

  • ฮาจิเมะ บ่นกับตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา. (เข้าไปในโลกส่วนตัวของตัวเองซะแลว้คนพวกนี้. ไม่ว่าจะมองยังไง ส่ีคนนี้ก็สร้างบรรยากาศส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาซะแล้ว. ได้โปรดล่ะ ใครก็ได้จากโลกอื่น เรียกตัวฉันไปทีเถ้อออ!) ฮาจิเมะ พยายามจะหนีจากความเป็นจริง. พอคิดจะลุกออกไป ก็รู้สึกตัวแข็งทื่อขึ้นมา. ต่อหน้าของฮาจิเมะ, ล าแสงสีขาวทรงกลมปรากฏขึ้นต่อหน้า. เหล่านักเรียนก็รู้สึกถึงปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้. ฮาจิเมะจ้องมองดูที่ลวดลายที่ส่องแสง และ แรงกดดัน ที่โอบอุ้มตัวของเขา และ เร่ิมจะโอบล้อมนักเรียนคนอื่นๆ, นี่มันวงแหวนเวทย์!...ฮาจิเมะคิด วงแหวนเวทย์เริ่มส่องแสงจ้าขึ้น แล้วในที่สุดก็ขยายขนาดไปทั่วทั้ง

  • ห้องเรียน. พอนักเรียนเริ่มรู้สึกถึงสถานการณ์ ต่างก็พยายามหนีและกรีดร้อง เมื่อวงแหวนเวทย์เร่ิมส่องแสง, อาจารย์ ไอโกะ ก็ตะโกน "ทุกคน รีบหนีเร็ว" แต่ในพริบตานั้น วงแหวนเวทย์ก็ปะทุขึ้น. แสงสว่างครอบคลุมไปทั่วห้องเรียนหลายวินาที, หลายนาทีต่อมา พอวงเวทย์จางหายไป ก็ไม่เหลือใครอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียว. ห้องปราศจากสัญญาณของสิ่งที่มีชีวิตเหลือไว้เพียงแต่ข้าวของที่ไม่ได้อยู่ติดตัวกับนักเรียน เหลือทิ้งไว้ข้างหลัง. ในภายหลังโลกเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "เทพลักซ่อน"แต่เรื่องนั้นขอเอาไว้เล่าในโอกาสหน้า.

  • [นิยายญี่ปุ่นแปลไทย] Arifureta shokugyou de sekai

    Ch.1 - บทที่ 1 ถูกอัญเชิญไปต่างโลก

    ท าการอัญเชิญ!

    * * *

    ฮาจิเมะ ยืนโดยเอามือป้องหน้าเอาไว้พร้อมกับตาที่ปิดอยู่, แต่พอได้ยินเสียงดังเอะอะ เขาก็เริ่มลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ. ฮาจิเมะมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ. สิ่งแรกอันเป็นที่ประจักในสายตาคือผนังขนาดใหญ่. ผนังนั้นสูงราวๆ 10 เมตร, บนผนังนั้นมีภาพวาดคนผู้หนึ่งที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย มแีสงสว่างเป็นทรงกลดจากด้านหลังของเจ้าตัว ผมสีบลอนด์ยาว กับ รอยยิ้มบางๆ.

  • ทุ่งหญ้าบนที่ราบ, ทะเลสาบ, และ ภูเขาที่ถูกวาดลงเป็นฉากพื้นหลัง และ คนในรูปก็ยื่นแขนทั้งสองข้างกางออกมาด้านหน้า. เป็นจิตกรรมฝาผนังที่งดงามยิ่ง. เป็นงานศิลปะชั้นยอด. ถึงอย่างนั้น ฮาจิเมะก็รู้สึกว่าสายตาที่มองมาของคนในรูปนั้นดูจะเย็นชาอย่างน่าประหลาด. พอมองดูรอบๆ, ก็รู้สึกตัวว่าพวกเขาได้มาอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่. ห้องโถงนี้ท ามาจากหนิอ่อนหมดเลยรึเปล่านะ ฮาจิเมะสงสัย. สิ่งก่อสร้างทั้งหมดเป็นสีขาวมันวาวดูเรียบลื่น, มีเสาสลักอย่างสวยงามเป็นสิ่งค้ ายัน, เพดานถูกสร้างขึ้นในลักษณะของโดม. สถานที่ทั้งหมดดูราวกับโบสถ์ขนาดใหญ่ และ ห้องโถงเองก็ให้บรรยากาศที่น่าขนลุก. ดูเหมือนว่าฮาจิเมะและคนอื่นๆจะอยู่ด้านบนของแท่นที่ต้ังอยู่ใน

  • ส่วนลึกสุดของตัวอาคาร. อยู่ในต าแหน่งที่สงูสุดของพื้นที่รอบๆ. เพ่ือนร่วมชั้นของฮาจิเมะเองก็มองไปรอบๆด้วยความมึนงงจากสิ่งที่ได้เห็น. ดูเหมือนว่า นักเรียนทั้งหมดที่อยู่ในห้องตอนนั้นจะถูกลากเข้ามาในเหตุการณ์นี้กันหมด. ฮาจิเมะมองไปที่ด้านหลัง. ที่นั่นคาโอริเองก็ก าลังมองไปรอบๆด้วยความงงงวยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า. ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้บาดเจ็บอะไร ฮาจิเมะจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย. บางที, ผู้คนที่อยู่รอบๆแท่นที่พวกเขายืนอยู่อาจจะสามารถอธิบายสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่นี่ก็เป็นได้, ใช่แล้ว ฮาจิเมะ และ เหล่าเพื่อนร่วมชั้นของเขา ไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้. ที่นั่นมีอย่างน้อย 30 คนที่คุกเข่าสวดภาวนาโดย

  • วางมือทั้งสองข้างไว้บนอก. พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ที่ประดับด้วยทองค า, แล้วก็มีไม้เท้าอยู่ข้างๆของพวกเขา. ที่ปลายของไม้เท้านั้นบานออกเหมือนพัดลม, มีแผ่นกลมๆอยู่หลายแผ่นห้อยอยู่รอบๆเป็นวง. มีนักบวชที่ดูพิเศษกว่ากว่าคนอื่น อายุราวๆ70 ป,ี สิ่งที่ท าให้เขาผู้นี้ดูโดดเด่นจากคนอื่นๆนั่นก็เพราะที่คาดหัวดูเป็นพีธี ที่ยาวราวๆ 30cm, แล้วเจ้าตัวก็ก้าวเข้ามาใกล้พวกเขา. แม้จะดูชราแต่ตัวเขากลับใส่ชุดคลุมที่ดูหรูหราไม่สมวัย. ถ้าไม่ใช่เพราะรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเจ้าตัวแล้ว ก็คงจะท าให้ดูเหมือนคนวัย 50 อยู่หรอกนะ. นักบวชเฒ่าเดินถือไม้เท้าในมือ เข้ามาคุยกับพวกฮาจิเมะ ด้วย

  • เสียงที่ดูสงบเสงี่ยม และ ชัดเจน อันดูประจวบเหมาะกับรูปลักษณ์ของเจ้าตัว. "ยินดีตอนรับสู่ทอร์ทัส ท่านผู้กล้าของเรา และ เหล่าสหายผู้ติดตาม. พวกเราขอน้อมต้อนรับพวกท่านทุกคน. นามของเราคือ อิสทาร์ ลัมบาร์ด เป็นสังฆราชของโบสถ์อันศักด์ิสิทธิ์แห่งนี้ " หลังจากที่แนะน าตัวเอง นักบวชเฒ่าก็เผยรอยยิ้มที่มักจะพบเห็นได้จากคนชราใจดีทั่วๆไป.

    * * *

    ในตอนนี้ ฮาจิเมะ และ คนอื่นๆ ได้ท าการย้ายสถานที่, เดินผ่านห้องโถงขนาดใหญ่ มองเห็นโต๊ะเรียงรายยาว 10 เมตรตรงหน้า.

  • แม้แต่ที่นี่เองก็ถูกสร้าง และ ประดับตกแต่งรายละเอียดอย่างหรูหรา. จากมุมมองของคนธรรมดาแล้ว ดูเหมือนว่างานประดับตกแต่งห้องนั้นถูกท าโดยฝีมือของช่างที่มีฝีมือเป็นอย่างมาก. บางที ที่นี่คงเป็นห้องที่จะให้พวกเขาทานอาหารกัน. กลุ่มสี่คนของโคคิ กับ อาจารย์ ไอโกะ นั่งบนหัวโต๊ะ. ส่วนฮาจิเมะนั้นนั่งอยู่ส่วนท้ายสุด. นับตั้งแต่ตอนที่ถูกน าทางมาจากห้องโถง จนมาถึงห้องนี้แล้วนั่งลง ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักคน, ในใจแต่ละคนล้วนครุ่นคิดหาเหตุผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา. จนกระทั่ง อิสทาร์เริ่มอธิบายถึงสถานการณ์ แม้แต่โคคิเองก็ยังสงสัยอยู่เงียบๆ. อาจารย์ ไอโกะ ที่ดวงตาเหมือนก าลังจะร้องไห้ ก็พยายามรวบรวมเหล่านักเรียนเข้าด้วยกัน เหมือนอย่างที่คนเป็นอาจารย์

  • ควรท า. พอทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว, ด้วยจังหวะอย่างเหมาะเหม็ง เหล่าสาวใช้ก็น าอาหารเข้ามา. ใช้แล้วล่ะ คุณเมดตัวเป็นๆ! ไม่ใช่คุณป้าอ้วนท้วม ที่เห็นกันในโลกที่เราจากมาก. สาวสวยจริงๆของแท้ไม่มีเก้ เมดสาวแสนสวยที่เป็นความฝันของเหล่าท่านชาย. นักเรียนชายส่วนใหญ่หันเหสายตาไปยังเหล่าสาวใช้ เพราะจิตใจของวัยอยากรู้อยากเห็น. ถึงพวกนักเรียนหญิงจะมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาสุดๆก็เถอะ. ฮาจิเมะ ก็สอดส่องสายตาโดยไม่ได้ต้ังใจ ไปยังสาวใช้ที่มายืนอยู่ข้างๆเขาเพื่อเสิร์ฟน้ าให้... แต่เพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันใด จนต้องละสายตาไปจากคุณเมด.

  • พอหันไปมองยังทิศทางที่ท าให้รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมานั้น, ฮาจิเมะก็เห็นคาโอริส่งยิ้มมาให้. เขาจึงตัดสินใจเลิกมองทันที. หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าทุกคนดื่มน้ ากันหมดแล้ว อิสทาร์ก็เริ่มท าการอธิบาย. "เราคิดว่าพวกท่านคงก าลังรู้สึกสับสนกันอยู่. เช่นนั้นก็ขอให้เราได้อธิบายก่อน, โปรดจงรับฟังไปจนจบ ก่อนที่จะเอ่ยค าถามสิ่งใด" หลังจากนั้น, อิสทาร์ ก็ได้อธิบายเร่ืองราว ที่เป็นเหมือนกับแฟนตาชี อันเพ้อฝัน. โดยสรุปแล้ว. ก่อนอื่น, โลกนี้ถูกเรียกว่า ทอร์ทัส. ในโลกแห่งนี,้ มีเผ่าพันธุ์หลักๆอยู่สามเผ่า. เผ่ามนุษย์, เผ่าปีศาจ และ เผ่ากึ่งมนุษย์. เผ่ามนุษย์ปกครองดินแดนทางตอนเหนือ, เผ่าปีศาจปกครองดินแดนทางตอนใต้ และ เผ่ากึ่งมนุษย์ปกครองดินแดนทาง

  • ตะวันออก. ในสามเผ่านั้น, เผ่ามนุษย์ กับ เผ่าปีศาจท าสงครามกันมานานหลายร้อยปี. เทียบกันแล้วเผ่าปีศาจนั้นแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ แต่ทว่าเผ่ามนุษย์นั้นมีจ านวนมากกว่า. ทั้งสองเผ่า ไม่ได้ท าสงครามขนาดใหญ่กันมาหลายทศวรรษแล้ว, แต่ต่างฝ่ายก็ก าลังเตรียมพร้อมกันอยู่. ไม่นานมานี้ มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น. นั่นคือการเคลื่อนก าลังพลของเหล่ามอสเตอร์โดยเผ่าปีศาจ. มอนสเตอร์นั้นว่ากันว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ป่าที่รับพลังเวทย์แล้วท าให้เปล่ียนไป. พวกมันไม่ได้ถูกนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิต. ทั้งยังมีความสามารถที่จะลอกเลียนเวทย์มนตร์ที่เผ่าพันธุ์อื่นใช้, และ ท าให้พวกมันเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง และ อันตรายเป็นอย่างมาก.

  • จนถึงตอนนี้ มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถฝึกมันได้. และถึงแม้จะฝึกได,้ ผู้ฝึกก็สามารถควบคุมได้อย่างมากสุด แค่มอนสเตอร์ 1 หรือ 2 ตัวเท่านั้น. เพราะเหตุนี้เผ่าปีศาจจึงเป็นฝ่ายพลิกกระดานกลับ. ซึ่งหมายความว่า มนุษย์ไม่ใช่เผ่าที่มีจ านวนไดเ้ปรียบอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงก าลังเผชิญกับวิกฤตอย่างใหญ่หลวง. "ผู้ที่อัญเชิญพวกท่านมาที่นี่ คือ ท่านเอฮิโตะ. ท่านเป็นพระเจ้าที่คอยปกป้องพวกเรา และ เป็นพระเจ้าที่โบสถ์แห่งนี้ให้การสักการะ. เป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้. ดูเหมือนว่า ท่านเอฮิโตะนั้นแลเห็นว่าถ้าหากเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าพันธุ์มนุษย์คงต้องสูญสิ้นเป็นแน่แท้. ด้วยเหตุนั้น พวกท่านจึงได้ถูกอัญเชิญมา เพื่อป้องกันอนาคตอันโหดร้ายนั้น.

  • โลกที่พวกท่านจากมานั้นมีระดับสูงกว่าโลกของพวกเรา, เมื่อมายังโลกนี้คนจากโลกที่ท่านจากมาจะมีพลังพิเศษที่เหนือกว่าคนในโลกแห่งนี้. ในยามที่เราสวดอ้อนวอนต่อท่านเอฮิโตะนั้น. พวกท่านคือ "ผู้กอบกู้"ที่พระเจ้าส่งมาให้พวกเรา. "ด้วยพลังของพวกท่าน เราจะกวดล้างปีศาจ และ ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตามพระประสงค์ของท่านเอฮิโตะ". อิสทาร์พูดแบบนั้นออกมาด้วยท่าทางปราบปลื้มยินดีอย่างมาก. เขาพูดตามค าพยากรณ์ที่ได้ว่าไว้. เผ่าพันธุ์มนุษย์กว่า 90% เขื่อในค าสอนของโบสถ์, คนที่ได้ยินเสียงของเทพยากรณ์จะได้รับต าแหน่งที่เปี่ยมด้วยอ านาจ. ฮาจิเมะสงสัยในสิ่งที่เรยีกว่า “ความประสงค์ของพระเจ้า”เขารู้สึกว่า อิสทาร์นั้นบิดเบือนในสิ่งที่โลกนี้เป็น และ ก าลังเผชิญอยู่.

  • แล้วคนที่ต้องการจะคัดค้านก็โผล่มา คนๆนัน้คือ อาจารย์ ไอโกะ. “อย่ามาพูดล้อเล่นแบบนี้สิคะ! แบบนี้ก็หมายความว่าเด็กๆพวกนี้ต้องไปสู้รบในสงครามน่ะสิ! ฉันไม่อนุญาต! ไม่มีทางยอมให้พวกเด็กๆต้องไปท าเร่ืองแบบนั้นเด็ดขาด! ช่วยส่งพวกเรากลับด้วยค่ะ! ครอบครัวของพวกเด็กๆต้องเป็นห่วงอยู่แน่!สิ่งที่พวกคุณท าอยู่นี่มันเป็นการลักพาตัวชัดๆ!” อาจารย์ ไอโกะ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ. เธอเป็นอาจารย์สอนวิชาสังคมที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกนักเรียน อายุ 25 ปี. เธอมีใบหน้าเหมือนเด็ก กับ ความสูงเพียงแค่ 150 cm. ตัดผมเป็นทรงบ๊อบส้ัน. เพ่ือนักเรียนของเธอแล้วเธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เป็นคนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจมาก.

  • ถึงจะมีอยู่บ่อยครั้งที่พวกนักเรียนจะเป็นคนปกป้องเธอก็เถอะ ก็เธอนั้นไม่ได้มีเร่ียวแรงเหมือนผู้ใหญ่เลยสักนิด. พวกนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ไอจัง, ถึงจะท าท่าทางโกรธที่ถูกพวกนักเรียนเรียกแบบนั้น แต่เจ้าตัวก็ตั้งใจจะเป็นอาจารย์ที่ผึ่งผายน่ายกย้อง. เธอโกรธกับการอัญเชิญอันไร้เหตุผล และ ยืนยันที่จะต่อต้านมัน. อา...ไอจัง พยายามเต็มที่เลย. เหล่านักเรียนที่มองดู อาจารย์ไอโกะ ต่อว่า อิสทาร์ ด้วยความรู้สึกที่คลุมเครือ. “เราเองก็เข้าใจในความรู้สึกของท่าน. แต่โชคร้าย ที่พวกท่านไม่อาจจะกลับไปได้แล้ว" ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง. มีบรรยากาศเย็นเยือกทอดผ่านไปทั่วบริเวน.

  • ทุกสายตาจ้องไปยัง อิสทาร์,ทุกคนไม่รู้ว่าจะพูดตอบไปยังไงดีกับสิ่งที่ได้ยิน. “ไม่จริง..., หมายความว่ายังไงที่ว่ากลับไปไม่ได้? ถ้าพวกคุณอัญเชิญเรามาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องส่งกลับไปได้ด้วยสิ!” อาจารย์ไอโกะ ตะโกนออกมา. “อย่างที่เราได้พูดไป, ผู้ที่อัญเชิญพวกท่านมาคือ ท่านเอฮิโตะ. เวทย์ที่ใช้แทรกแซงโลกอื่นนั้นมนุษย์เราไม่สามารถใช้ได้. การจะกลับไปได้หรือไม่นั้น ขึน้อยู่การตัดสินใจของ ท่านเอฮิโตะ” “เร่ืองแบบนั้นมัน...” ณ จุดนั้น อาจารย์ไอโกะ ก็หมดแรง และ ทรุดลงไปยังเก้าอี้ที่เหมือนกับหิน.

  • เมื่อเห็นแบบนั้นพวกนักเรียนก็เริ่มส่งเสียงดังเซ็งแซ่เพราะความตื่นตระหนก. “โกหก! กลับไปไม่ได้งั้นเหรอ?” “ไม่นะ ฉันอยากกลับบ้าน!” “สงครามง้ันเรอะ!อย่ามาล้อตูเล่นนะโว้ย!” “ท าไม ท าไมละ่ ท าไมกัน...” เหล่านักเรียนเริ่มหวาดกลัวต่อสถานการณ์. แม้แต่ฮาจิเมะเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน. ถึงอย่างนั้น เพราะการที่เป็นโอตาคุ เขาจึงเคยอ่านเร่ืองเกี่ยวกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนไม่น้อย. เพราะอย่างนั้นถึงคาดหวังกับสถานการณ์ในรูปแบบนี้อยู่บ้าง. เพราะมันไม่ใช่กรณีที่เลวร้ายที่สุด,

  • ฮาจิเมะจึงดูสงบใจเย็นกว่านักเรียนคนอื่นๆ. เพราะว่าในกรณีที่เลวรา้ยที่สุดนั้นคือการถูกอัญเชิญไปเป็นทาสนั่นเอง. ในขณะที่ทุกคนไม่ตั้งตัวอยู่นั้น, อิสทาร์ก็มองดูการตอบสนองของเหล่านักเรียนอย่างใจเย็น และ ปล่อยให้สถานการณ์ด าเนินไปตามธรรมชาติ. ถึงอย่างนั้น ฮาจิเมะก็มองเห็นภายใต้การแสดงออกอย่างสงบของเขานั้นมีความรู้สึกถึงการดูถูกเหยียดหยามซ่อนไว้อยู่. กับความสับสน อลหม่าน ที่ดูจะไม่สงบลงง่ายๆ. ในเวลานั้น โคคิได้ลุกยืนขึ้น และ ทุบมือลงบนโต๊ะเป็นเสียงดัง. เสียงกระแทกนั้นท าให้พวกนักเรียนตกใจและหันความสนใจไปที่โคคิ. พอเห็นว่าทุกคนหันมาสนใจเขากันหมดแล้ว, โคคิก็เร่ิมพูด. “ทุกคน, ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปท าตัวแตกตื่นต่อหน้า คุณ อิสทาร์หรอก.

  • เขาไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้...ฉันน่ะ จะสู้. มนุษย์ในโลกนี้ก าลังเผชิญหน้ากับวิกฤต, นั่นเป็นความจริง. ถ้ารู้อย่างนั้นแล้ว, ฉันก็คงไม่อาจจะเพิกเฉยต่อค าขอร้องให้ช่วยเหลือของพวกเขาได้. ถ้าฉันถูกอัญเชิญมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์แล้วล่ะก็, ถ้าหากท าส าเร็จพวกเราอาจจะกลับไปได้ก็เป็นได้. คุณ อิสทาร์ เห็นเป็นอย่างไรบ้าง?” “ถูกต้องแล้ว, ท่านเอฮิโตะนั้นจะต้องตอบรับค าขอของผู้กอบกู้อย่างแน่นอน” “พวกเรามีพลังพิเศษสินะ? ตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ ฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังแปลกๆในตัว” “ใช่แล้ว, เป็นเช่นนั้น. โดยคร่าวๆแล้ว, พวกท่านทุกคนจะมีพลังเหนือกว่าผู้คนจากโลกนี้หลายเท่า”

  • “งั้นก็ดี. ฉันจะสู้. จะช่วยเหลือผู้คน, แล้วพวกเราจะได้กลับบ้าน. ดูไว้เถอะ! ฉันจะเป็นคนช่วยโลกนี้ และ ทุกคนเอง” โคคิก าหมัดแน่น ประกาศค าพูดนั้นออกไป. ทั้งเผยรอยยิ้มอันเจิดจ้าอย่างทรนง. ในเวลานี้ ความสามารถในการดึงดูดใจผู้คนของโคคินั้น ดูจะได้ผลเป็นอย่างมาก. เหล่านักเรียนที่ก่อนหน้านี้มีสีหน้าของความสิ้นหวัง ก็เริ่มใจเย็น และ ฮึกเหิมขึ้นมา. ดวงตาของโคคิที่ฉายแววเป็นประกายเจิดจ้า, ดูจะท าให้มองเห็นความหวังในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้. ครึ่งหนึ่งของพวกนักเรียนหญิงมองดูเขาด้วยสายตาชื่นชม. “นึกแล้วว่านายจะพูดอะไรแบบนั้น. ถ้าปล่อยให้นายท าคนเดียวมันก็น่าเป็นห่วง ฉันก็จะสู้ด้วย”

  • “เรียวทาโร่” “ในเวลาแบบนี้ สิ่งที่พวกเราจะท าได้ก็มีแค่เรื่องเดียว. แล้วก็ใช่ว่าฉันจะเกลียดอะไรแบบนี้, ฉันเองก็จะสู้ด้วย” “ชิซึกุ” “เอ่อ ถ้า ชิซึกุจังก็เอาด้วย, ฉันเองก็จะพยายามจ้ะ” “คาโอริ” กลุ่มของทั้ง4 คนเหมือนเคย ก็เห็นด้วยกับ โคคิ. เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือเองก็ดูจะเห็นด้วย และ ตามน้ ากันไป. อาจารย์ไอโกะ พยายามจะพูดโต้แย้งในเรื่องนั้นด้วยดวงตาที่เหมือนจะร้องไห้, แต่ต่อหน้า การแสดงออกของโคคิแล้ว มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง.

  • ท้ายที่สุดแล้ว, ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าร่วมในสงคราม. ถึงส่วนใหญ่ดูจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการไปร่วมสงครามนั้นมันหมายความว่าอะไร, พวกเขาได้แค่จิตนาการเกี่ยวกับมัน. ที่เหล่านักเรียนส่วนใหญ่เหน็ด้วยนั้น ก็เพื่อใช้มันเพ่ือหลีกหนีความเป็นจริงอันโหดร้ายที่พวกเขาเผชิญ ไม่อย่างนั้นแล้วจิตใจของพวกเขาคงจะต้องแตกสลาย เพราะสถานการณ์อันเหลือเชื่อนี้เป็นแน่. ฮาจิเมะจับตาคอยสังเกต อิสทาร์ ในขณะ ที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้. นักบวชเฒ่าแสดงสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่งออกมา. ฮาจิเมะก็รู้สึกได้ถึงสีหน้านั้น. ขณะที่ อิสทาร์ก าลังอธิบายเรื่องราวต่างๆ, ก็สังเกตดูโคคิ, เพ่ือยืนยันปฏิกิริยาของเหล่านักเรียนที่มีต่อเร่ืองราวที่เขาอธบิาย.

  • ด้วยการที่โคคิมีส านึกต่อความยุติธรรมสูงลิบ, จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะมองเห็นปฏิกิริยาของเขาต่อภัยพิบัติที่จะบังเกิดแก่มนุษย์. หลังจากที่อิสทาร์เล่าถึงความโหดเหี้ยมของเผ่าปีศาจ, ทั้งเน้นย้ าในเรื่องของความโหดร้ายทารุณ. อิสทาร์ ลึกๆอาจจะเป็นคนดีก็ได้. ใน ขณะที่เล่าเขาก็ส ารวจดูว่าใครที่เป็นนคนที่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่ม. มันอาจจะเป็นเร่ืองปกติส าหรับคนที่อยู่ในลัทธิที่ใหญ่ที่สุดในโลก, แต่ว่านะ เป็นคนที่เหลี่ยมจัดจริงๆ. ฮาจิเมะเพิ่มอิสทาร์ลงไปในรายชื่อคนที่ควรระวังเอาไว้ภายในหัว.

    * * *

  • คนที่รอพวกเราอยู่ หลังจากการอัญเชิญนั้น ไม่ใช่ ทั้งนักบวชสาวสวย หรือ เจ้าหญิงผู้งดงาม แต่ดันกลายเป็นตาแก่หง าเหงือกซะนี่!

    [นิยายญี่ปุ่นแปลไทย] Arifureta shokugyou de sekai

    Ch.2 - บทที่ 2 แผ่นการ์ดสเตตัส

    ช่วงเวลาแห่งการอธิบาย.

  • * * *

    เนื่อง จากคนส่วนใหญ่ตกลงที่จะเข้าร่วมสงคราม, พวกนักเรียนจึงจ าเป็นต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้. ถึงแม้จะมีพลัง หรือ พรสวรรค์ มากเกินกว่าคนทั่วไป, แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่นักเรียน ม.ปลาย ญี่ปุ่น ธรรมดาทั่วไป ที่เคยชินกับความสงบสุข. หากจะให้ไปสู้กับ มอสเตอร์ หรือ ปีศาจในทันททีันใดนัน้ คงจะเป็นไปไม่ได้. อย่างไรก็ตาม, ทางโบสถ์ และ หมู่คณะ ก็คาดเดาสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว. อิสทาร์ กล่าวว่า โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บน “หุบเขาพระเจ้า” และ ม ี“ราชอาณาจักรไฮลิก[1]” ตั้งอยู่ตีนเขา. ทางอาณาจักรมีความผู้พันอย่างแน่นแฟ้น กับทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์,

  • มีพระเจ้าแห่งการก าเนิด เอฮิโตะ เป็นที่สักการะบูชา. ประเทศนี้ก่อตั้งโดยตระกูล ซาร์ม ไบรน์. การที่มีความสัมพันธุ์ที่แน่นแฟน้กันนั้น มาจากการที่โบสถ์ให้การสนับสนุนแก่อาณาจักรนั่นเอง. [1] มาจากค าว่า "heilig" เป็นภาษาดัตช์ มีความหมายว่า "ศักด์ิสิทธิ์" แต่การออกเสียง ไม่แน่ใจว่า เป็น ไฮดัส หรือเปล่า แต่ในที่นี้ขอให้ค าว่า ไฮลิก ไปก่อนละกัน. ฮาจิเมะ และ พวกนักเรียนมุ่งหน้าไปที่ประตูด้านหน้าของโบสถ์ เพ่ือจะลงจากหุบเขาไปยัง อาณาจักรไฮลิก. โบสถ์นั้นตั้งอยู่ส่วนบนสุดของ "หุบเขาพระเจ้า". เมื่อบานประตูโบสถ์อันใหญ่โตโอ่อ่าเปิดออก, ท าให้มองเห็นทะเลเมฆคอยต้อนรับพวกเขา.

  • แม้จะอยู่บนที่สูง แต่กลับไม่รู้สึกถึงผลกระทบจากความกดอากาศต่ าเลยแม้แต่น้อย. บางทีอาจจะเป็นเพราะเวทย์มนตร์ที่ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย. เหล่านักเรียนต่างก็ตราตึงใจกับภาพเสน่ห์ ของ ท้องฟ้าสีฟ้าใสอันปลอดโปร่ง, ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเป็นประกาย และ ทะเลแห่งหมู่เมฆ. ใน ขณะที่เดินต่อไป อิสทาร์ก็คุยโตโอ้อวดเรื่องต่างๆไปด้วย. พอเดินมาเรื่อยๆในที่สุด ก็มองเห็นแท่นสีขาวขนาดใหญ่เป็นทรงกลมที่มีรั้วล้อมรอบอยู่ต่อหน้า. ระเบียงอันสวยงามที่ถูกสร้างด้วยวัสดุแบบเดียวกับที่เห็นภายในโบสถ์. ฉัน กับ เหล่าคณะก็พากันเดินตรงไปยังแท่นแล้วยนือยู่บนนั้น.

  • บนแทน่ที่ยนื อยู่ มีวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่สลักอยู่. เพราะอีกด้านของร้ัวเต็มไปด้วยทะเลเมฆ พวกนักเรียนจึงมารวมตัวกันอยู่ตรงกลางอย่างกระสับกระส่าย. แล้วอิสทาร์ก็เริ่มร่ายอะไรสักอย่าง "ถนนที่น าทางผู้คน, จงเปิดเส้นทางแด่ผู้ศรัทธา, เทนโดว" พอ ร่ายจบ, วงแหวนเวทย์ก็เริ่มส่องแสง. แท่นยืนก็เริ่มเคลื่อนตัวอย่างราบรื่นเหมือนกระเช้าลอยฟ้า, แท่นยืนเคลื่อนที่เป็นแนวทแยงมุ่งหน้าสูพ่ื้นดินด้านล่าง. ดูเหมือนว่า "บทร่าย" จะเป็นตัวกระตุ้นให้ วงแหวนเวทย์ที่สลักอยู่บนแทน่เหยียบท างาน, ดูอย่างกับกระเช้าจริงๆนั่นแหละ. ส าหรับพวกนักเรียนที่ได้เห็น "เวทย์มนตร์"เป็นครั้งแรก ก็ท าให้รู้สึกตื่นเต้นกันใหญ่.

  • พอแท่นเหยียบผ่านทะลุเข้าไปไปในทะเลเมฆก็ท าเกิดความอีกทึกครึกโครมไม่น้อยเลย ทีเดียว. ในที่สุดก็ผ่านออกมาจากทะเลเมฆ แล้วมองเห็นพื้นดิน. ด้านล่างมีตัวเมืองขนาดใหญ่ ไม่สิ...ประเทศ ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า. มีตัวเมืองกระจายจากตัวปราสาทอันใหญ่โตที่ตั้งอยู่ถัดจากไหล่เขา. ทั้งหมดนี่คืออาณาจักรไฮริกอันยิ่งใหญ่. แท่นเหยียบน าพวกเขาไปสู่ดาดฟ้าของหอคอยอันหรูหรา ที่เช่ือมต่อด้วยระเบียงลอยฟ้า กับ พระราชวัง. ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ช่างอลังการงานสร้างจริงๆ ฮาจิเมะหัวเราะเชิงถากถาง. เตรียมการเสมอเหมือนการอวาตารลงมาจากสรวงสวรรค์ เคลื่อนผ่านทะเลแห่งหมู่เมฆ แสดงให้เหมือนกับว่าเป็น"สาวกผู้ถูกเลือกจากพระเจ้า"เลยทีเดียว.

  • ไม่ใช่แค่พวกเรา แต่พวกนักบวชของโบสถ์เองคงถูกมองเป็นแบบนั้นด้วยเหมือนกันแน่. ฮาจิ เมะนึกถึง ช่วงก่อนสงครามในญี่ปุ่นสมัยก่อน. ในตอนนั้น ศาสนา และ การเมืองถูกโยงเข้าด้วยกัน ซึ่งท าให้เกิด โศกนาฏกรรมต่างๆมากมายในภายหลัง. แต่ในโลกนี้อาจจะยิ่งผิดเพีย้นมากกว่านั้น. เพราะการมีตัวตนของพลังแห่งปาฏิหาริย์ในโลกใบนี้ที่ถึงขนาดสามารถแทรกแซงโลก อื่นได้. เป็นโลกที่ถูกชักจูงไปตามสิ่งที่เรียกว่า "ความประสงค์แห่งพระเจ้า". เฉกเช่นเดียวกันกับความเป็นไปได้ที่จะท า ให้พวกเขากลับไปโลกเดิมได้. โชคชะตาของโลกนี้ขึ้นอยู่กับความประสงค์พระเจ้าเพียงอย่างเดียว.

  • ฮาจิเมะเก็บความรู้สึกอันไม่สบายใจนี้ไว้ในใจขณะที่มองไปยัง ทิวทัศน์ของตัวเมืองอันยิ่งใหญ่ที่เริ่มเห็นได้อย่างชัดเจน. ยังไงก็มีแต่ต้องพยายามในสิ่งที่ตัวเองพอจะท าได้ให้ดีที่สุดเท่านั้น ฮาจิเมะก าหมัดแน่นพร้อมกับความคิดเช่นนั้น.

    * * *

    พอ มาถึงพระราชวัง, ฮาจิเมะ และคนอื่นๆ ก็ถูกน าทางไปยังห้องบัลลังก์ในทันที. พอเดินผ่านทางระเบียงจะมองเห็นเครื่องประดับอันงดงามที่ตกแต่งไว้อย่าง โอ่อ่า เป็นประกายระยิบระยับ ไม่แพ้ที่โบสถ์เลย. ในระหว่างทาง ฉันก็สังเกตเห็นคนเหมือนเป็นข้าราชการ, คนที่

  • สวมชุดเหมือนกับอัศวิน, คุณเมดแล้วก็อ่ืนๆ..., ส ายตาคนเหล่านั้นมองมายังพวกฮาจิเมะด้วยความรู้สึกหลากหลาย บ้างก็ดูจะเกรงกลัว บ้างก็มองด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม. ฮาจิเมะเองก็พอจะเข้าใจในเร่ืองนั้นอยู่. เพราะรู้สึกไม่สบายใจ ฮาจิเมะจึงเดินอยู่ท้ายสุดของกลุ่ม. พอมาถึงประตูบานคู่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม, เมื่อทหารสองคนที่ยืนอยู่ประจ าที่สองข้างประตู มองเห็นอิสทาร์ และ เหล่าคณะ โดยที่ไม่รีรอ ทั้งคู่ก็ผลักบานประตูให้เปิดออก. อิสทาร์ก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่เร่งร้อนเหมือนเป็นเรื่องปกติ. ส่วนนักเรียนคนอื่นๆเดินเข้าไปอย่างกระสับกระส่าย ยกเว้นพวกของ

  • โคคิละนะ. ที่ อยู่ตรงหน้าหลังจากที่ฉันได้เดินเข้าไปนั้น จะมีพรมแดงทอดยาวจากทางเข้าไปจนถึงบัลลังก์ที่ดูโอ่อ่า, ตรงกลางของบัลลังก์มีชายชราที่สวมชุดที่แสดงให้เห็นถึง ความสูงศักดิ์และ ความทะเยอทะยานอันสูงส่ง. สตรีที่นั่งอยู่ข้างๆบัลลังก์ดูเหมือนว่าจะเป็นราชีนี. ถัดจากราชิชีก็มีเด็กผู้ชาย อายุราวๆสิบขวบ มีผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า. ที่ข้างๆก็มีเด็กสาว ผมสีบลอนด