รอยสัก : จากความเชื่อ...สูแฟชั่น ดร .ชลพรรษ ดวงนภา * บทนํา เรื่องของความเชื่อเปนเรื่องที่หามกันยากหรือหามกันไมได แมความเชื่อจะนําไปสูความ เจ็บปวดทรมาน และอาจเลยเถิดไปถึงการเจ็บปวย แตก็ยังอยากจะทํา เพราะเมื่อทําแลวเกิดความ สบายใจ มีความมั่นใจมากขึ้น ความเชื่อเปนสิ่งที่เกี่ยวของกับมนุษย เกิดจากความรูสึกทางจิตใจของคนและสังคม ซึ่งไมสามารถมองเห็นได แตเราทําความเขาใจสังคมไดโดยผานศาสนา ประเพณี พิธีกรรม ขนบธรรมเนียม คานิยม และบรรทัดฐานของสังคมนั้น ความเชื่อจึงเปนสวนหนึ่งของความเปน มนุษยและมีอิทธิพลตอชีวิตมนุษย ทั้งในระดับปจเจกบุคคลและระดับสังคม อาจกลาวไดวา ความเชื่อเปนเรื่องที่เกิดขึ้น และมีพัฒนาการมาพรอม ๆ กับการเจริญเติบโตของสังคมมนุษย สมัยกอนการคนควาทางวิทยาศาสตรยังไมกาวหนาทันสมัย ไมสามารถอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติและ สังคมได เชน โลก ธรรมชาติ สัตว เกิดขึ้นไดอยางไร ทําไมจึงมีกลางวันและกลางคืน เมื่อหา คําตอบไมได ก็เชื่อวามีพระเจา เทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่บันดาลใหเกิดสิ่ง ตาง ๆ ขึ้น มาถึงปจจุบันนี้ แมวาจะหาคําตอบไดจากการคนควาทางวิทยาศาสตรหลายประการ เชน โลกเกิดจากการแยกตัวออกของดาวพระเคราะห จากดวงอาทิตย และโลกก็หมุนรอบดวงอาทิตย จึงทําใหมีกลางวันและกลางคืน มนุษยจึงมีความเชื่อแบบวิทยาศาสตรขึ้นมา แตโลกธรรมชาติและ สังคมที่มนุษยดํารงชีวิตอยูนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอยางที่ยังมีความลึกลับ ซึ่งวิทยาศาสตรยังไมสามารถ อธิบายและใหคําตอบได มนุษยจึงยังคงเชื่อสิ่งที่หาคําตอบไมไดนั้นวาเปนสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ และเปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความรูสึกนึกคิดเชนนี้หาไดเกิดขึ้นกับคนทั่วไปเทานั้น หากยังเกิดกับ นักปราชญและนักวิทยาศาสตรเชนกัน มีนักวิทยาศาสตรจํานวนไมนอยทีเดียวที่หาคําตอบ ปรากฏการณทางธรรมชาติและสังคมไมได เลยหันกลับไปเขาใจวาเปนเรื่องของสิ่งนอกเหนือ ธรรมชาติแทน จนกลายเปนคนเชื่อศาสนาและนิยมในเรื่องจิตวิญญาณไป ความเชื่อจึงเปนเรื่องที่เกิด ขึ้นกับมนุษยและสัมพันธกับชีวิตของมนุษยเรื่อยมาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน มนุษยไดใหความสนใจในการอธิบายความหมายและใหคํานิยามความเชื่อมาโดยตลอด โดยเฉพาะนักสังคมศาสตร ไดแก นักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยา เชน Durkheim นักสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศสใหความหมายของความเชื่อวา เปนชุดของความคิดที่เปนองคประกอบ * นักวิชาการวัฒนธรรมชํานาญการ สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดตราด