Page 1
วันเข้าพรรษา
วนัเข้าพรรษา เป็นวนัส าคญัในพทุธศาสนาวนัหนึง่ ท่ีพระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพกัประจ าอยู่ ณ ท่ีใด
ท่ีหนึง่ ตลอดช่วงฤดฝูนท่ีมีก าหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามท่ีพระธรรมวินยับญัญตัิไว้ โดยไม่ไป
ค้างแรมท่ีอ่ืน
"เข้าพรรษา" แปลว่า "พกัฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์
ต้องอยู่ประจ า ณ วดัใดวดัหนึง่ระหว่างฤดฝูน โดยเหตท่ีุ
พระภิกษุในสมยัพทุธกาล มีหน้าท่ีจะต้องจาริกโปรดสตัว์
และเผยแผ่พระธรรมค าสัง่สอนแก่ประชาชนไปในท่ีต่าง ๆ
ไม่จ าเป็นต้องมีท่ีอยู่ประจ า แม้ในฤดฝูน ชาวบ้านจึงต าหนิ
ว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอ่ืน ๆ จนเสียหาย พระพทุธเจ้า
จงึทรงวางระเบียบการจ าพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจ าท่ี
ตลอด 3 เดือน ในฤดฝูน คือ เร่ิมตัง้แต่วนัแรม 1 ค ่า เดือน
8 ของทกุปี เรียกว่า "ปริุมพรรษา" ถ้าปีใดมีเดือน 8 สอง
ครัง้ ก็เล่ือนมาเป็นวนัแรม 1 ค ่า เดือนแปดหลงั และออกพรรษาในวนัขึน้ 15 ค ่า เดือน 11
เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา" เว้นแต่มีกิจธุระคือเม่ือเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลบัได้ในเดียวนัน้
ก็ทรงอนญุาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึง่ไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สตัตาหะ" หากเกินก าหนดนีถื้อว่า
ไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจ าพรรษา จดัว่าพรรษาขาด
ส าหรับข้อยกเว้นให้ภิกษุจ าพรรษาท่ีอ่ืนได้ โดยไม่ถือเป็นการขาดพรรษา เว้นแต่เกิน7 วนั
ได้แก่
Page 2
1.การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาท่ีเจ็บป่วย
2.การไประงบัภิกษุสามเณรท่ีอยากจะสกึมิให้สกึได้
3.การไปเพ่ือกิจธุระของคณะ
สงฆ์ เช่น การไปหาอปุกรณ์มา
ซอ่มกฏุิท่ีช ารุด
4.หากทายกนิมนต์ไปท าบญุ ก็
ไปฉลองศรัทธาในการบ าเพญ็
กศุลของเขาได้
นอกจากนีห้ากระหว่างเดิน
ทางตรงกบัวนัหยดุเข้าพรรษา
พอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทนัใน
หมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาท่ี
พกัพงิได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่
ทนัก็ต้องพึง่โคนไม้ใหญ่เป็นท่ีพกั
แรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับ
ความล าบากเช่นนี ้จงึช่วยกนั
ปลกูเพงิเพ่ือให้ท่านได้อาศยัพกัฝน รวมกนัหลาย ๆ องค์ ท่ีพกัดงักล่าวนีเ้รียกว่า "วิหาร" แปลว่า
ท่ีอยู่สงฆ์ เม่ือหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครัง้ ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลบัมา
พกัอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจ าเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศรัทธาเล่ือมใสใน
พระพทุธศาสนา ก็เลือกหาสถานท่ีสงบเงียบไม่ห่างไกลจากชมุชนนกั สร้างท่ีพกั เรียกว่า "อาราม"
ให้เป็นท่ีอยู่ของสงฆ์ดงัเช่นปัจจบุนันี ้ ทัง้นี ้โดยปกติเคร่ืองใช้สอยของพระตามพทุธานญุาตให้มี
ประจ าตวันัน้ มีเพียงอฏัฐบริขาร อนัได้แก่
Page 3
1.สบง2. จีวร 3.สงัฆาฏิ 4.เข็ม 5.บาตร 6.รัดประคด 7.หม้อกรองน า้ 8.มีดโกน และกว่าพระ
ท่านจะหาท่ีพกัแรมได้ บางทีก็ถกูฝนต้นฤดเูปียกปอนมา ชาวบ้านท่ีใจบญุจงึถวายผ้าอาบน า้ฝน
ส าหรับให้ท่านได้ผลดัเปล่ียน และถวายของจ าเป็นแก่กิจประจ าวนัของท่านเป็นพเิศษในเข้าพรรษา
นบัเป็นเหตใุห้มีประเพณีท าบญุเน่ืองในวนันีสื้บมา...
อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเร่ืองของพระภิกษุ แต่พทุธศาสนิกชนก็ถือเป็น
โอกาสดีท่ีจะได้ท าบญุรักษาศีล และช าระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวนัเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วย
พระท าความสะอาด
เสนาสนะ ซอ่มแซมกฏุิวิหาร
และอ่ืน ๆ พอถึงวนั
เข้าพรรษาก็จะไปร่วม
ท าบญุตกับาตร ถวายเคร่ือง
สกัการะบชูา ดอกไม้ ธูป
เทียน และเคร่ืองใช้ เช่น สบู่
ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟัง
เทศน์ ฟังธรรม และรักษา
อโุบสถศีลกนัท่ีวดั บางคน
อาจตัง้ใจงดเว้นอบายมขุ
ต่าง ๆ เป็นกรณีพเิศษ เช่น
งดเสพสรุา งดฆ่าสตัว์ เป็นต้น อนึง่ บิดามารดามกัจะจดัพธีิอปุสมบทให้บตุรหลานของตน โดยถือ
กนัว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จ าพรรษาในระหว่างนีจ้ะได้รับอานิสงส์อย่างสงู
นอกจากนี ้ยงัมีประเพณีส าคญัท่ีขาดไม่ได้เลย คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" ประเพณีที
Page 4
กระท ากนัเม่ือใกล้ถึงฤดเูข้าพรรษา ซึง่มีมาตัง้แต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี ้มีอยู่เป็น
ประจ าทกุปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ท าวตัรทกุเช้า – เย็น และใน
การนีจ้ะต้องมีธูป - เทียนจดุบชูาด้วย พทุธศาสนิกชนทัง้หลาย จงึพร้อมใจกนัหล่อเทียนเข้าพรรษา
ส าหรับให้พระภิกษุจดุเป็นการกศุลทานอย่างหนึง่ เพราะเช่ือกนัว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะ
มีอานิสงฆ์เพิม่พนูปัญญาหตูาสว่างไสว ตามชนบทนัน้ การหล่อเทียนเข้าพรรษาท ากนัอย่าง
เอิกเกริกสนกุสนานมาก เม่ือหล่อเสร็จแล้ ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอโุบสถ 3 รอบ แล้วน าไปบชูา
พระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริว้
ขบวนท่ีสวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจ าปีเลยทีเดียว
ทัง้นี ้ในปี 2555 นี ้"วนัเข้าพรรษา" จะตรงกบัวนัศกุร์ท่ี 3 สิงหาคม พ.ศ.2555