การแตงคําประพันธ ประเภท “ราย” ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕
การแตงคําประพันธ ประเภท “ราย”
ช้ันมัธยมศึกษาปที่ ๕
- โคลง - ฉันท - กาพย - กลอน
- ราย
รูปแบบคําประพันธไทย (รอยกรอง)
บทรอยกรอง
ลิลิต
รูปแบบคําประพันธไทย (รอยกรอง) ราย + โคลง
ตัวอยางวรรณคดีประเภทลิลิต ลิลิตพระลอ, ลิลิตตะเลงพาย, ลิลิตยวนพาย, ลิลิตนิทราชาคริต
การแตงคําประพันธประเภทราย
"ราย" แปลวา อาน เสก หรือ เดิน
ราย เปนชื่อของคําประพันธ ชนิดหน่ึง ซึ่งไมกําหนดวา จะตอง
มีบท หรือบาท เทาน้ัน เทาน้ี จะแตงใหยาวเทาไรก็ได เปนแตตอง เรียงคํา ใหคลองจองกันตามขอบังคับ เทาน้ัน
ลักษณะบังคับตางๆ ใชอยางเดียวกับ โคลง ๒ และโคลง ๓ คําราย
แผนผัง รายสุภาพ
ฉันทลักษณ ของรายสุภาพ
บทหนึ่งๆ มีตั้งแต ๕ วรรคข้ึนไป จัดเปนวรรคละ ๕ คํา หรือจะเกิน
๕ คําบางก็ได แตไมควรเกิน ๕ จังหวะในการอาน จะแตงยาวกี่วรรคก็ได
แตตอนจบจะตองเปนโคลงสองสุภาพเสมอ
สัมผัส โดย คําสุดทายของวรรคหนา ตองสัมผัสคําท่ี ๑ หรือ ๒
หรือ ๓ เปนวรรคถัดไปทุกวรรค *นอกจากตอนจบ...
ฉันทลักษณ ของรายสุภาพ
คําสุภาพ คือ คําที่ไมมีรูปวรรณยุกต
การแตงราย
คําสัมผัสระหวางวรรคคําสุภาพตองสัมผัสกับคํา
สุภาพนั้น คํ าที่ มี รูปวรรณยุกตต องสัม ผัสกับ คํ าที่ มี รูปวรรณยุกตเดียวกันนั้น
การแตง...รายสุภาพ
ตอนจบ...จะตองใหสัมผัสแบบโคลงสองสุภาพ
คําเอก-โท
มีบังคับเอก ๓ แหง และคําโท ๓ แหง ตามแบบของ
“โคลงสองสุภาพ”
ถาคําสัมผัสท่ีสงเปนคําเปนหรือคําตาย คําท่ีรับสัมผัส
จะตองเปนคําเปนหรือคําตายดวย และคําสุดทายของบท
หามใชคําตาย
การแตงรายสุภาพ
ตอนจบจะตองใหสัมผัสแบบโคลงสองสุภาพ
เติมสรอยในตอนสุดทายของบทไดอีก ๒ คํา หรือ
จะเติมทุกๆ วรรคของบทก็ไดพอถึงโคลงสองตองงด เวน
ไวแตสรอยของโคลงสองเอง
สรอยชนิดนี้ตองเหมือนกันทุกวรรค เรียกช่ือวา
"สรอยสลับวรรค"
แผนผัง โคลงสองสุภาพ
ลักษณะบังคับของโคลงสองสุภาพ โคลงสองสุภาพบทหนึ่งมี ๓ วรรค ๆ หนึ่งมี ๕ คํา ยกเวนวรรคสุดทายมีเพียง ๔ คํา ในตอนทายมี
คําสรอยได ๒ คํา สัมผัสของโคลงสองสุภาพมีเพียงแหงเดียว คือ คําสุดทายของวรรคแรกสงสัมผัสไปยังคําสุดทายของวรรคที่ ๒ จะไดแผนภูมิดานบน
โคลงสองสุภาพ
ลักษณะบังคับของโคลงสองสุภาพ โคลงสองสุภาพบทหน่ึงจะมี ๓ วรรค - วรรคหน่ึงและวรรคสอง จะมีจาํนวนคาํวรรคละ ๕ คาํ
- ในวรรคสาม จะมีจาํนวนคาํ ๔ คาํซึ่งรวมทัง้หมด ๓ วรรค
- จะมีจาํนวนคาํรวมทัง้สิน้ ๑๔ คาํ
และในวรรคสุดท้ายสามารถที่จะใส่คาํสร้อยได้เพิ่มขึน้อีก ๒ คาํ
เพ่ือเพ่ิมความไพเราะให้กบับทกลอน วรรคหนึ่งและวรรคสอง วรรคสาม
โคลงสองสุภาพ
ลักษณะบังคับของโคลงสองสุภาพ
ในวรรคสุดทายสามารถที่จะใสคําสรอยไดเพิ่มขึ้น อีก ๒ คํา
เพื่อเพิ่มความไพเราะใหกับบทกลอน วรรคหนึ่งและวรรคสอง
วรรคสาม คําสรอย
โคลงสองสุภาพ
ลักษณะบังคับของโคลงสองสุภาพ
การสัมผัสของบทกลอน คําที่ ๕ วรรคหน่ึง จะตองสัมผัสกับคําที่ ๕ วรรคสอง
หากเปนการแตงเพ่ือเขาลลิติ จะตองใหคําสุดทายของบทสัมผัสกับคําที่ ๑ คําที่ ๒ หรือ
คําที่ ๓ ของบทตอๆ ไปในทุกบท
แผนผัง โคลงสองสุภาพ
การแตงเพื่อเขาลลิติ
ตัวอยาง... โคลงสองสุภาพ พระภูบาลปนเกลา ปตะราชพระเสด็จเตา
แขกทายฤๅแล พอเอย
บแปรพักตรตอไท บสั่งสักคําไว
แกแมเลยสุดใจ แมเอย
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- สุภาษิตพระรวง
หรือเรียกวา บัญญัติพระรวง แตงในสมัยสุโขทัย แตไมทราบแนชัดวา
แตงรัชกาลใด
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- มหาชาตคํิาหลวง
แตงสมัยอยุธยาตอนตน ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดเกลาให
บัณฑติแปลและแตงขึ้นราว พ.ศ. ๒๐๒๕ ใชรายยาวเปนหลัก
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- กาพยมหาชาต ิ แตงในสมัยอยุธยาตอนตน ในสมัยพระเจาทรงธรรม
แตงเปนรายยาว และอานงายกวามหาชาตคิําหลวง
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- นันโทปนันทสูตรคําหลวง แตงในสมัยอยุธยาตอน-ปลาย
ในสมัยพระเจาอยูหัวบรมโกศ
พระนิพนธโดย เจาฟาธรรมธิเบศร หรือเจา
ฟากุง ใชรายยาวเปนหลัก
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- พระมาลัยคําหลวง ใชรายสุภาพเปนหลักใน
การแตง จบดวยโคลงสี่สุภาพ
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
- รายทําขวัญนาคหลวง
พระนิพนธโดยสมเด็จพระมหาสมณ
เจา พรมพระปรมานุชิต-ชิโนรส ในสมัย ร.๔ แตง
ดวยราย-ยาว
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
วรรณคดีไทย แตงดวยรายเปนหลัก
รายยาวมหาเวสสันดรชาดก เรียกอีกอยางวา “มหาชาติกลอน
เทศน” ม ี๑๓ กัณฑ แตงเปนรายยาว
การแตงราย...ใหไพเราะ
- การแตงคําประพันธประเภทราย
ใหไดผลด ี
ตองมีการทองจําบทประพันธตนแบบ เพื่อนําไวศึกษา
เวลาที่แตงเอง จะไดแตงไดถูกตอง
๑. วิธกีารแตง
- ตองมวัีตถุประสงคและแนวความคดิ
ท่ีชัดเจน
- มคีวามแมนยําในระเบยีบบังคับคําประพันธ
๒. สิ่งที่ผูแตงคําประพันธพงึระลกึไวเสมอ
- งานชิ้นน้ีเปนของ......
- งานท่ีสะทอน
- บุคลกิภาพ
- ทัศนคตขิองเราโดยเฉพาะ
- มคิวรลอกเลยีนจากผูอื่นมาเปนของตน
- รายโบราณ
- รายดั้น
- รายสุภาพ
- โคลงสองสุภาพ
• ร่ายยาว คือ ร่ายท่ีไม่กําหนดจํานวนคําในวรรคหนึง่ ๆ แต่ละวรรคจงึอาจมีคําน้อยมากแตกต่างกนัไป การสมัผสั คําสดุท้ายของวรรคหน้าสมัผสักบัคําหนึง่คําใดในวรรคถดัไป จะแต่งสัน้ยาวเท่าไรเม่ือจบนิยมลงท้ายด้วยคําว่า แล้วแล นัน้แล นีเ้ถิด โน้นเถิด ฉะนี ้ฉะนัน้ ฯลฯ เป็นต้น
• ตัวอย่าง โพธิสตฺโต สมเด็จพระบรมโพธิสตัว์ อนัสร้างสมดงึส์ปรมตัถบารมี เม่ือจะรับวโรรัตนเรืองศรีแปดประการ แด่สํานกันิท้าวมฆัวานเทเวศร์ ก็ทลูแก่ท้าวสหสัเนตรฉะนี ้
• — กาพย์มหาชาต ิสักรบรรพ
• ร่ายโบราณ คือ ร่ายท่ีกําหนดให้วรรคหนึ่งมีคําห้าคําเป็นหลกั บทหนึ่งต้องแต่งให้มากกวา่ห้าวรรคขึน้ไป การสมัผสั คําสดุท้ายของวรรคหน้าสมัผสักบัคําท่ีหนึ่ง สอง หรือสาม คําใดคําหนึ่งของวรรคถดัไป และยงักําหนดอีกวา่ หากสง่ด้วยคําเอก ต้องสมัผสัด้วยคําเอก คําโทก็ด้วยคําโท คําตายก็ด้วยคําตาย ในการจบบทนัน้ ห้ามไม่ให้ใช้คําท่ีมีรูปวรรณยกุต์ประสมอยู่เป็นคําจบบท อาจจบด้วยถ้อยคํา และอาจแต่งให้มีสร้อยสลบัวรรคก็ได้
• ตัวอย่าง ...พระบาทเสด็จ บ มิช้า พลหวัหน้าพะกนั แกวง่ตาวฟันฉฉาด แกวง่ดาบฟาดฉฉดั ซ้องหอกซดัยยุ่ง ซ้องหอกพุ่งยย้าย ข้างซ้ายรบ บ มิคลา ข้างขวารบ บ มิแคล้ว แกล้วแลแกล้วชิงข้า กล้าแลกกล้าชิงขนั รุมกนัพุ่งกนัแทง เข้าต่อแย้งต่อยทุธ์ โห่องึอดุเอาชยั เสียงปืนไฟกึกก้อง สะเทือนท้องพสธุา หน้าไม้ดาปืนดาษ ธนสูาดศรแผลง แข็งต่อแข็งง่าง้าง ช้างพะช้างชนกนั ม้าผกผนัคลกุเคล้า เข้ารุกรวนทวนแทง รแรงเร่งมาหนา ถึงพิมพิสารครราช พระบาทขาดคอช้าง ขนุพลคว้างขวางรบ กนัพระศพกษัตริย์ หนีเมือ้เมืองท่านไท้ ครัน้พระศพเข้าได้ ลัน่เข่ือนให้หบัทวาร ท่านนา
• ตัวอย่างแบบมีสร้อยสลับวรรค เจ้าเผือเหลือแผน่ดิน นะพี ่หลากระบลิในแหลง่หล้า นะพี ่บอกแล้วจะไว้หน้าแห่งใด นะพี ่ความอายใครช่วยได้ นะพี ่อายแก่คนไสร้ท่านหวั นะพี ่แหนงตวัตายดีกวา่ นะพี ่สองพ่ีอย่าถามเผือ นะพี ่เจ็บเผ่ือเหลือแห่งพร้อง โอเอน็ดรัูกน้อง อย่าซํา้จําตาย หนึ่งรา.
• — ลิลิตพระลอ
• ร่ายดัน้ คือ ร่ายที่กําหนดคําในวรรคและการสมัผสัเหมือนร่ายโบราณ แตไ่ม่เคร่งเร่ืองการรับสมัผสัระหวา่งชนิดคํา คือ คําเอกไม่จําเป็นต้องรับด้วยคําเอก เป็นต้น สว่นการจบบท ใช้บาทที่สามและสี่ของโคลงดัน้มาปิดท้ายบท และอาจแตง่ให้มีคําสร้อยสลบัวรรคก็ได้
• ตัวอย่าง ศรีสนุทรประฌาม งามด้วยเบญจพิธ องค์ประดิษฐ์อตุดม อญัขยมประจงถวาย พร้อมด้วยกายวาจาจิต...มวลมารพา่ยแพ้สญู สิน้เสร็จ ทรงพระคณุลํา้ล้น เลิศครู
• — ลิลิตดัน้มาตาปิตุคุณคาถาบรรยาย - พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ)
• ร่ายสภุาพ คือ ร่ายท่ีกําหนดคําในวรรคและการสมัผสัเหมือนร่ายดัน้ทกุประการ ส่วนการจบบท ใช้โคลงสองสภุาพจบ และนิยมมีคําสร้อยปิดท้ายด้วย และอาจแต่งให้มีคําสร้อยสลบัวรรคก็ได้
• ตัวอย่าง สรวมสวสัดวิิชยั เกริกกรุงไกรเกรียงยศ เกียรติปรากฏขจรขจาย สบายทัว่แหล่งหล้า ฝนฟ้าฉ่ําชุ่มชล ไพศรพณ์ผลพนูเพิม่ เหิมใจราษฎร์บําเทิง...ประเทศสยามช่ืนช้อย ทกุข์ขกุเข็ญใหญ่น้อย นาศไร้แรงเกษม โสตเทอญ
• — ลิลิตนิทราชาคริต - พระบาทสมเดจ็พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์