Top Banner
รรรรรรรรรรรรรรรรรรร (Research Methodology) รรรรรร รรรรรร รรรรรร รรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรร กกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกก กกกกกกกกกก กกกกกก กกกกกกกก กกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกก/ กกกกกกกกกกกก กกกกกกกกก กกกกกก กกกกกกกก กกกกกก กกกกกกก กกกกกกกกกกก รรรรรรรร รรรรร รรรรรรรร รรรรรรรรรรรร รรรรรรรร
239

ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Nov 16, 2014

Download

Documents

Welcome message from author
This document is posted to help you gain knowledge. Please leave a comment to let me know what you think about it! Share it to your friends and learn new things together.
Transcript
Page 1: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย (Research

Methodology)❶

ก�าหนดห วิข้�อ

❹ ก�าหนดประชากรเป�าหมาย

❺ก�าหนดที่��มาข้องข้�อม�ล

❻จั ดระเบี�ยบีข้�อม�ล

❼ร�างรายงาน

❽ตี�พิ�มพิ"รายงาน กำ��หนดประเด�น

สร �งกำรอบแนวคว�มค�ด

ออกำแบบกำ�รว�จั�ย

ส��มตั�วอย��งสร �งและทดสอบ

ว�ธี�กำ�รเกำ�บ/รวบรวมข้ อม!ล

ว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

ปร�บปร�งร�ยง�น

เผยแพร�ใช้ ประโยช้น"

การวิ�จั ย

ที่บีที่วินวิรรณกรรม

วิ ตีถุ%ประสงค์"สมมตี�ฐาน

Page 2: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาหร,อ

ส��งที่��ตี�องการหาค์�าตีอบี

กระบีวินการแสวิงหาค์�าตีอบี ก�าหนดประชากรและกล%�มตี วิอย�าง ก�าหนดเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย วิ�ธี�การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

ผลการวิ�จั ย

ที่��ถุ�กตี�องเช,�อถุ,อได�

และเก�ดประโยชน"

ตี�องานที่��ที่�าค์�าถุาม วิ�ธี�ที่�า ค์�าตีอบี

ส�ม�รถน��ไปตัอบค��ถ�มตั�มประเด�นท�*ตั� +งไว ได

แผนภาพิแสดงวิงจัรค์วิามหมายข้องการวิ�จั ย

Page 3: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

(2)กำ�รออกำแบบกำ�รว�จั�ย

(4)กำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

(3)กำ�รรวบรวมข้ อม!ล

(5)กำ�รตั�คว�มหม�ย

(1)กำ�รเล,อกำป-ญห�ข้องกำ�รว�จั�ยและตั�+งสมมตั�ฐ�น

วิงจัรภาพิการวิ�จั ยข้อง เดล�ย"(Dailey, 1978:5)

Page 4: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์�าถุามเพิ,�อการวิ�จั ยค์�าถุามเพิ,�อการวิ�จั ยที่�าอะไร What . . . To do ?

ที่�าที่�าไม Why ?

(ที่�าเพิ,�ออะไร) ที่�าก บีใค์ร Who ? ที่�าที่��ไหน Where ? ที่�าอย�างไร How ? ที่�าเม,�อไร When ?

ข้�อม�ล

ค์รบีถุ�วิน

ถุ�กตี�อง

เช,�อถุ,อได�

Page 5: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ป*ญหา

ตี 3งสมมตี�ฐา

นรวิบีรวิมข้�อม�ล

วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

สร%ป

แผนภาพิ ข้ 3นตีอนวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"

Page 6: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กำ��หนดป-ญห�กำ�รว�จั�ยข้ 3นป*ญหาศึ1กำษ�เอกำส�รและง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องให ค��จั��กำ�ดคว�มข้องป-ญห�กำ��หนดจั�ดม��งหม�ยกำ�รว�จั�ยกำ��หนดสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ย

ข้ 3นสมมตี�ฐาน

กำ��หนดประช้�กำรและและกำล��มตั�วอย��งเล,อกำและสร �งเคร,*องม,อด��เน�นกำ�รรวบรวมข้ อม!ล

ข้ 3นรวิบีรวิมข้�อม�ล

ว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

เสนอผลกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ลข้ 3นวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

สร�ปและอภิ�ปร�ยผลกำ�รว�จั�ย

เข้�ยนร�ยง�นกำ�รว�จั�ยข้ 3นสร%ปผล

ข้ 3นตีอนข้องกระบีวินการวิ�จั ย

Page 7: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ห วิข้�องานวิ�จั ย

วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องงานวิ�จั ย

ประโยชน"ที่��ได�ร บี

ประเด)นป*ญหาข้องงานวิ�จั ย

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องกระบีวินการวิ�จั ยโดยส งเข้ป

ประชากรและกล%�มตี วิอย�างเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย

การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการวิ�เค์ราะห"และการแปรผล

ตี วิแปรและ

สมมตี�ฐาน

กำ��หนดกำ��หนดกำ��หนดกำ��หนด

เป4นข้ อม!ลหร,อแนวท�งเพ,*อน��ไปใช้ แกำ ไข้หร,อบรรเท�ป-ญห�

สอดคล องและสน�บสน�น

กำ��หนด กำ��หนดส�มพ�นธี"

ส�มพ�นธี"น�าไปค์าดการณ"

Page 8: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กเกณฑ์"การเล,อกห วิข้�องาน

วิ�จั ย

แกำ ป-ญห�ได ประเด�นน��สนใจั เกำ�ดประโยช้น"ตั�อส�วนรวม

ม�คว�มเช้�*ยวช้�ญม�ข้ อม!ลสน�บสน�นมองทะล�ถ1งตัอนจับได อย!�ในส�ยง�นท�*เกำ�*ยวข้ อง

ไม�กำว �งหร,อแคบจันเกำ�นไปท�นตั�อเหตั�กำ�รณ์"ใช้ ทร�พย�กำรในกำ�รว�จั�ย อย��งค� มค��

เป4นประโยช้น"หร,อไม�

ท��ได หร,อไม�

ค� มค��หร,อไม�

ห วิข้�องานวิ�จั ย

ม�ประโยชน"

ที่�าได�

ค์%�มค์�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ม�ประโยช้น"

ท��ไม�ได

ไม�ค� มค��

ภาพิ แสดงแนวิที่างการตี ดส�นใจัเล,อกห วิข้�องานวิ�จั ย

Page 9: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระด บีการวิ ดตี วิแปร (Level of Measurement)

ข้�อม�ลหยาบี ข้�อม�ลหยาบี 1. มาตีรานามบี ญญ ตี�(Nominal Scale)

2 . มาตีราเร�ยงล�าด บี(Ordinal Scale)

3 . มาตีราอ นตีรภาค์ช 3น(Interval Scale)

4 . มาตีราอ ตีราส�วิน(Ratio Scale)

ข้�อม�ลละเอ�ยดมากที่��ส%ด

ภาพิ แสดงระด บีการวิ ดตี วิแปรจัากข้�อม�ลหยาบีไปย งข้�อม�ลละเอ�ยดมากที่��ส%ด

Page 10: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภิ�พแสดงกำ�รเปร�ยบเท�ยบระด�บกำ�รว�ดตั�วแปร ท�+ง 4 ม�ตัร� 1. มาตีรานามบี ญญ ตี�

(Nominal Scale) 2. มาตีราเร�ยงล�าด บี

(Ordinal Scale)

3 . มาตีราอ นตีรภาค์ช 3น(Interval Scale)

4 . มาตีราอ ตีราส�วิน(Ratio Scale)

เช้�น ตั�วแปรเพศึ, สถ�นภิ�พสมรส เช้�น ตั�วแปรว�ฒิ�กำ�รศึ1กำษ�, ระด�บยศึ

1. จั�ดเป4นกำล��มได 1.จั�ดเป4นกำล��มได 2.บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได

1. จั�ดเป4นกำล��มได 2. บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได 3. ม�ค��เป4นตั�วเลข้และม�ช้�วงห��งเท��กำ�น

1. จั�ดเป4นกำล��มได 2. บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได 3. ม�ค��เป4นตั�วเลข้และม�ช้�วงห��งเท��กำ�น4. ม�จั�ดเร�*มตั นจั�กำ 0 (ม�ศึ!นย"แท )

เช�น ตี วิแปรระด บีอ%ณหภ�ม� เช้�น ตั�วแปรน�+�หน�กำ, ส�วนส!ง

Page 11: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแปรที่��เก�ดข้63นมาก�อน

ตี วิแปรที่��เป7นเหตี%

ตี วิแปรค์งที่��

ภิ�พ -แสดงล�กำษณ์ะตั�วแปรตั นหร,อตั�วแปรอ�สระ

(Independent Variables)

ตี วิแปรตี�น

Page 12: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแปรที่��เก�ดข้63นภายหล ง

ตี วิแปรที่��เป7นผล

ตี วิแปรที่��ปร บีเปล��ยน

แปลงได�

ภิ�พ - แสดงล�กำษณ์ะตั�วแปรตั�ม(Dependent Variables)

ตี วิแปรตีาม

Page 13: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถุ�ตี�เช�งพิรรณนา

Descriptive

Statistics

สถ�ตั�อ �งอ�ง

Inference

Statistics

ค��ร อยละ (Percentage)ค��เฉล�*ย(Mean)

ค��ม�ธียฐ�น(Median)ค��ฐ�นน�ยม(Mode)ค��พ�ส�ย(Range)

ค��ส�วนเบ�*ยงเบนควอไทล"(Quartile Deviation)ค��ส�วนเบ�*ยงเบนม�ตัรฐ�น(Standard Deviation)

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบม�พ�ร�ม�เตัอร"Parametric Inference

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบไม�ม�พ�ร�ม�เตัอร"Non Parametric Inference

กำ�รแจักำแจังแบบท�t-test

กำ�รแจักำแจังแบบปกำตั�ม�ตัรฐ�นZ-test

กำ�รว�เคร�ะห"คว�มแปรปรวนANOVA

กำ�รแจักำแจังแบบไคสแควร"Chi-Square

ส�มประส�ทธี�:สหส�มพ�นธี"Correlation Coefficient

ประช้�กำรกำล��มเด�ยวOne Sample Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระกำ�นIndependence Samples Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระตั�อกำ�น

Paired Sample Test

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�ที่��น�ยมใช�ในงานวิ�จั ยที่างส งค์ม

สถ�ตั�Statistics

กำ�รจักำแจังคว�มถ�*Frequency

กำ�รว�ดแนวโน มเข้ �ส!�ส�วนกำล�งCentral Tendency

กำ�รว�ดกำ�รกำระจั�ยMeasure of Variation

Page 14: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบม�พ�ร�ม�เตัอร"Parametric Inference

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบไม�ม�พ�ร�ม�เตัอร"Non Parametric Inference

กำ�รแจักำแจังแบบท�t-test

กำ�รแจักำแจังแบบปกำตั�ม�ตัรฐ�นZ-test

กำ�รว�เคร�ะห"คว�มแปรปรวนANOVA

กำ�รแจักำแจังแบบไคสแควร"Chi-Square

ส�มประส�ทธี�:สหส�มพ�นธี"Correlation Coefficient

ประช้�กำรกำล��มเด�ยวOne Sample Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระกำ�นIndependence Samples Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระตั�อกำ�น

Paired Sample Test

สถ�ตั�อ �งอ�ง

Inference

Statistics

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�อ�างอ�ง

Page 15: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โค์รงสร�างการรายงานการวิ�จั ยส�วินน�า(Preliminary) ส�วินเน,3อเร,�อง (Body

of Report)ส�วินน�า ประกอบีด�วิย ปกนอก/ส นปก ใบีร บีรอง ปกใน บีที่ค์ ดย�อ ก�ตีตี�กรรมประกาศ สารบี ญ ค์�าอธี�บีายส ญล กษณ"และค์�าย�อ

ส�วินเน,3อเร,�องประกอบีด�วิยบีที่ที่��1 บีที่น�า•คว�มเป4นม�และคว�มส��ค�ญข้องป-ญห�•ว�ตัถ�ประสงค"ข้องกำ�รว�จั�ย•สมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยข้อบเข้ตัข้องกำ�รว�จั�ย•ข้ อตักำลงเบ,+องตั น•ข้ อจั��กำ�ดข้องกำ�รว�จั�ย•น�ย�มศึ�พท"เฉพ�ะ•ประโยช้น"ข้องผลกำ�รว�จั�ย

บีที่ที่�� 2 เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง•แนวค�ดและทฤษฎี�จั�กำเอกำส�รและตั��ร�ท�*เกำ�*ยวข้ อง•เอกำส�รและง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ อง•สร�ปเอกำส�รและง�นว�จั�ยเข้ �ส!�ประเด�นป-ญห�กำ�รว�จั�ย

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย•ประช้�กำรและกำล��มตั�วอย��ง•เคร,*องม,อในกำ�รว�จั�ย•กำ�รเกำ�บรวบรวมข้ อม!ล•สถ�ตั�ท�*ใช้ ในกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

บีที่ที่�� 4 ผลข้องการวิ�จั ย•ผลกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

บีที่ที่�� 5 สร%ปอภ�ปรายและข้�อเสนอแนะ•สร�ปผลกำ�รว�จั�ย•อภิ�ปร�ยผลกำ�รว�จั�ย•ข้ อเสนอแนะ

Page 16: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินอ�างอ�งReferenced Material

ส�วินอ�างอ�งประกอบีด�วิย บรรณ์�น�กำรม ภิ�คผนวกำ ภาค์ผนวิก ก

-หน�งส,อข้อเช้�ญตั��ง ๆ-หน�งส,อข้อคว�มร�วมม,อ

*ร�ยช้,*อผ! เช้�*ยวช้�ญ ภาค์ผนวิก ข้ -แบบสอบถ�ม (หร,อเคร,*องม,อท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยตั��งๆ) ภาค์ผนวิก ค์ -ร�ยละเอ�ยดบ�งอย��งท�*ไม�ได ใส�ไว ในส�วนข้องเน,+อเร,*อง(ถ �ม�) ประว�ตั�ผ! ว�จั�ย

ตี�อ

Page 17: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ระหวิ�างประชากร(Population)และกล%�มตี วิอย�าง(Sample)

ประชากร(Population)ใช�ค์�าพิาราม�เตีอร"

กล%�มตี วิอย�าง(Sample)

ใช�ค์�าสถุ�ตี�

ส%�มตี วิอย�าง(Sampling)

เป7นตี วิแที่นประชากร

สร%ปหร,ออ�างอ�งประชากรที่ 3งกล%�มได�

Page 18: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กล%�มตี วิอย�าง(Samples)

กำล��มตั�วอย��งหม�ยถ1ง ส�วนหน1*งข้องประช้�กำรท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ย เช้�นถ �ประช้�กำรหม�ยถ1งน�กำเร�ยนม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนตั นท�กำคนใน

กำร�งเทพมห�นคร กำล��มตั�วอย��งข้องประช้�กำรได แกำ� ส�วนหน1*งข้อง น�กำเร�ยนม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนตั น อ�จัจัะ300-400 คน ใน

กำร�งเทพมห�นครกำล��มตั�วอย��งท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยท�*ด�จัะตั องเป4นตั�วแทนข้องประช้�กำรท�*

ศึ1กำษ� ซึ่1*งจัะตั องได ม�ด วยว�ธี�กำ�รส��มตั�วอย��งและตั องม�ข้น�ดเพ�ยงพอ

Page 19: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การก�าหนดข้นาดข้องกล%�มตี วิอย�างด�วิยการค์�านวิณจัากส�ตีร

โดยใช้ กำ�รกำ��หนดค��คล�ดเคล,*อนท�*น�ยมใช้ แบ�งออกำได เป4น 2 ว�ธี�

กำ�รกำ��หนดข้น�ดข้องตั�วอย��ง ในกำรณ์�ท�*ทร�บจั��นวนประช้�กำร

2Ne1

Nn

ส!ตัร

n = ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งN = ข้น�ดข้องประช้�กำรท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยe = ค��เปอร"เซึ่�นคว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำตั�วอย��ง

Page 20: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง ถุ�าประชากรที่��ใช�ในการวิ�จั ยม�จั�านวิน 2,000 ยอมร บีค์�าค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนจัากการส%�มตี วิอย�างได� 5

% หร,อ 0.05 ข้นาดข้องกล%�มตี วิอย�างจัะค์�านวิณได�ด งน�3

333.3336

000,251

000,2

)05.0(000,21

000,2Ne1

Nn

2

2

ว�ธี�ท��

หร,อ 333 ราย

Page 21: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การค์�านวิณข้องข้นาดกล%�มตี วิอย�างในกรณ�ที่��ไม�ที่ราบีจั�านวินประชากร

ส�ตีร

n = ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งP = ค��เปอร"เซึ่�นตั"ท�*ตั องกำ�รส��มจั�กำประช้�กำรท�+งหมดe = ค��เปอร"เซึ่�นตั"คว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��งZ = ระด�บคว�มเช้,*อม�*นท�*ผ! ว�จั�ยกำ��หนดไว ซึ่1*งน�ยมใช้ กำ�นม� 2 ระด�บ ได แกำ�ณ์ ระด�บคว�มเช้,*อม�*น 95% Z ม�ค��เท��กำ�บ 196.ณ์ ระด�บคว�มเช้,*อม�*น 99% Z ม�ค��เท��กำ�บ 258

2

2

e

Z)P1(Pn

Page 22: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง ถ �ผ! ว�จั�ยตั องกำ�รส��มตั�วอย��งเป4น 50% หร,อ .50 จั�กำประช้�กำรท�+งหมด ตั องกำ�รระด�บคว�มเช้,*อม�*น

95% และยอมร�บค��คว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��งได 5%หร,อ 005. ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งจัะค��นวณ์ได ด�งน�+ว�ธี�ท��

16.3840025.0

9604.00025.0

)8416.3)(05.0(05.005.0

)96.1)(05.01(50.0n

2

2

หร,อ 384 ราย

Page 23: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

%คว�มคล�ดเคล,*อน

102030405060708090

100

100 200... N

จั��นวนกำล��มตั�วอย��ง

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ระหวิ�างการก�าหนดจั�านวินข้องกล%�มตี วิอย�างก บี การก�าหนดค์�าค์วิามค์ลาดเค์ล,�อน

Page 24: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กในการส มภาษณ"เตีร�ยมค์วิามพิร�อม

ด�าเน�นการส มภาษณ"

ป9ดการส มภาษณ"

* ท��คว�มเข้ �ใจัว�ตัถ�ประสงค"* น�ดหม�ย ว�น/เวล�/ สถ�นท�* ส�มภิ�ษณ์"* เตัร�ยมว�สด�อ�ปกำรณ์" เช้�น แบบส�มภิ�ษณ์" ด�นสอ เทป ฯลฯ* อบรมท�มผ! ส�มภิ�ษณ์" ซึ่�กำซึ่ อม ท�องจั��ค��ถ�ม

* แสดงคว�มเค�รพ แนะน��ตั�วและจั�ดม��งหม�ยกำ�รส�มภิ�ษณ์"* สร �งสรรค"บรรย�กำ�ศึท�*ด� แล วเร�*มกำ�รส�มภิ�ษณ์"

* ทบทวนประเด�นส��ค�ญข้องข้ อม!ลท�*ได ร�บจั�กำกำ�รส�มภิ�ษณ์"* กำล��วข้อบค�ณ์และแสดงคว�มเค�รพ

Page 25: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส%�มตี วิอย�าง(Random sample)

ใช้ หล�กำคว�มน��จัะเป4นในกำ�รส��มตั�วอย��ง(Probability Sampling)

กำ�รส��มแบบง��ย(Sample random Sampling)

กำ�รส��มอย��งม�ระบบ(Systematic Sampling)

กำ�รส��มแบบแบ�งช้�+น(Stratified Sampling)

กำ�รส��มแบบแบ�งกำล��ม(Cluster Sampling)

กำ�รส��มแบบหล�ยข้�+น(Multi-stage Sampling)

ไม�ใช้ หล�กำคว�มน��จัะเป4นในกำ�รส��มตั�วอย��ง(Nonprobability Sampling)

กำ�รส��มแบบบ�งเอ�ญ(Accidental Sampling)

กำ�รส��มแบบโควตั �(Quota-Sampling)

กำ�รส��มแบบเจั�ะจัง(Purposive Sampling)

กำ�รส��มแบบบอกำตั�อ(Snowball Sampling)

ภิ�พแสดงประเภิทกำ�รส��มตั�วอย��ง

Page 26: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงการเปร�ยบีเที่�ยบีล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งช 3นก บีการส%�มแบีบีแบี�งกล%�ม

AB

C900 AA

A900

ล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งช 3น(Stratified Sampling)

ล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งกล%�ม(Cluster Sampling)

ล�กำษณ์ะข้องประช้�กำรม�คว�มแตักำตั��งกำ�น จั1งตั องจั�ดแบ�งประช้�กำร ออกำเป4นกำล��ม

ล�กำษณ์ะข้องประช้�กำรม�คว�มคล �ยคล1งกำ�นแตั�อ�จัม�กำ�รแบ�ง

เป4นกำล��มได ตั�มอ�ณ์�เข้ตั

A300 B

300

C300

ส��มตั�วอย��ง100 ส��มตั�วอย��ง 100

ส��มตั�วอย��ง100

กำล��มตั�วอย��ง 300

A

300

A300

A300

ส��มตั�วอย��งจั�กำA กำล��มเด�ยว กำล��มตั�วอย��ง 300

ประช้�กำร ประช้�กำร

Page 27: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงข้ 3นตีอนในการสร�างแบีบีสอบีถุาม

เสนอท�*ปร1กำษ�

เสนอผ! เช้�*ยวช้�ญ

ทดลองใช้ แบบสอบถ�มกำ�บ

กำล��มทดลองห�ค�ณ์ภิ�พข้องแบบสอบถ�ม

จั�ดท��แบบสอบถ�มฉบ�บสมบ!รณ์"

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

ไม�ผ��น

ผ��น

ศึ1กำษ�และรวบรวมข้ อม!ล เพ,*อน��ม�กำ��หนดโครงสร �งข้องข้ อค��ถ�มกำ��หนดโครงสร �งข้องแบบสอบถ�มและส��นวน

ภิ�ษ�ข้องข้ อค��ถ�ม

เสนอท�*ปร1กำษ�

เสนอท�*ปร1กำษ�

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

1

32

4

5

67

ผ��น

ผ��น

ไม�ผ��น

ไม�ผ��น

Page 28: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างข้�อค์�าถุามข้องงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-ง

พ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

Page 29: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างแบีบีสอบีถุามข้องงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-งพ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

ร�ปแบีบีข้�อค์�าถุามตี วิแปร/ข้�อค์�าถุาม

ตัรวจัสอบ

ร�ยกำ�ร

ม�ตัร�ส�วนประม�ณ์ค��

ค��ถ�มปล�ยเปAด

Page 30: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

Data

Primary Data Secondary Data

Observation MethodSurvey MethodExperiment Method

Interview Mail Survey

TelephoneSurvey

InternetSurvey

Page 31: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�เช�งพิรรณนา

การแจักแจังค์วิามถุ��Frequency

ค์�าร�อยละPercentage

ค์�าเฉล��ย (Mean)

ค์�าม ธียฐาน (Median)

ค์�าฐานน�ยม (Mode)

ค์�าพิ�ส ย (Rage)

ค์�าส�วินเบี��ยงเบีนค์วิอไที่ล"Quartile Deviationค์�าส�วินเบี��ยงเบีนมาตีรฐาน

Standard Deviation

การวิ ดแนวิโน�มเข้�าส��ส�วินกลาง

Central tendency

การวิ ดการกระจัายmeasure of variation

สถุ�ตี�เช�ง

พิรรณนา

Descriptive

Statistics

Page 32: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-งพ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

ร�ปแบีบีข้�อค์�าถุามตี วิแปร/ข้�อค์�าถุาม ตัรวจัสอบ

ร�ยกำ�ร

ม�ตัร�ส�วนประม�ณ์ค��

ค��ถ�มปล�ยเปAด

ค��ถ�มปล�ยเปAด

เร�ยงล��ด�บตั�วเล,อกำ

เล,อกำค��ตัอบได ม�กำกำว��1 ข้ อ

Page 33: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ย(Research)

กำ�รว�จั�ยเป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งหร,อปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรม

ช้�ตั�อย��งม�ระบบระเบ�ยบและม�จั�ดม��งหม�ยท�* แน�นอน เพ,*อให ได คว�มร! ท�*เช้,*อถ,อได

ประกอบีด�วิยล กษณะส�าค์ ญ 3 ประการค์,อ เป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งหร,อปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรมช้�ตั�

เป4นกำระบวนกำ�รหร,อกำ�รกำระท��ท�*ม�ระบบระเบ�ยบ เป4นกำ�รกำระท��ท�*ม�จั�ดม��งหม�ยท�*แน�นอน

Page 34: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

คว�มหม�ยในล�กำษณ์ะน�ย�มเช้�งแนวค�ด เช้�น กำ�รว�จั�ย1. เป4นกำ�รท��ให ประจั�กำษ" 9. เป4นเหม,อนกำ�บน�+�แข้�งลอยน�+�2. เป4นเคร,*องกำ��หนดคว�มร! 3. เป4นกำระบวนกำ�รศึ1กำษ�ค นคว �ซึ่�+�ๆ4. เป4นกำรรมว�ธี�ท�*ม�กำ�รว�งแผนอย��งเป4นระบบระเบ�ยบ5. เป4นกำระบวนกำ�รท�*ใช้ เหตั�ผล6. เป4นกำ�รประด�ษฐ"ค�ดค น7. เป4นว�ถ�แห�งป-ญญ�8.เป4นเหม,อนกำ�บกำ�รข้�ดทอง

Page 35: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 36: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การออกแบีบีการวิ�จั ย(Research Design)

กำ�รออกำแบบกำ�รว�จั�ยเป4นท�+งแผนกำ�รท��ว�จั�ย และเทคน�คว�ธี�กำ�รท�*

เล,อกำม�ใช้ ศึ1กำษ�ค นคว �ห�ค��ตัอบในป-ญห�กำ�รว�จั�ยรวมท�+งกำลว�ธี�

ตั��งๆ ท�*จัะท��ให กำ�รว�จั�ยน�+นม�แระส�ทธี�ภิ�พส!งส�ด โดยม�จั�ดม��ง หม�ย

เพ,*อห�ค��ตัอบข้องป-ญห�กำ�รว�จั�ยและเพ,*อควบค�มคว�มแปรปรวนท�*เกำ�ดข้1+น

Page 37: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การออกแบีบีการวิ�จั ยจั6งแผนการที่��ระบี%เก��ยวิก บี

กำรอบแนวค�ด(conceptual framework) ในกำ�รท��ว�จั�ยเร,*องน�+น

ป-ญห�และสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยระเบ�ยบว�ธี�กำ�รว�จั�ยเทคน�คกำ�รส��มตั�วอย��ง เทคน�คกำ�รรวบรวมข้ อม!ลว�ธี�กำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

Page 38: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างการวิ�จั ย(Research Hypothesis)

สมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ย หม�ยถ1งข้ อคว�มท�*เด�หร,อค�ดคะเนค��ตัอบท�*ได

จั�กำกำ�รว�จั�ย กำ�รเด�หร,อค�ดคะเนน�+จัะ ตั องเด�หร,อค�ดคะเนอย��งม�เหตั�ผล

อ�ศึ�ยทฤษฎี� แนวค�ดผลกำ�รว�จั�ยเร,*อง กำ�อน ๆ คว�มร! และประสบกำ�รณ์"ข้องผ!

ว�จั�ยด วยประกำอบกำ�น ม�ใช้�เด�อย��งเล,อน ลอย ข้�ดเหตั�ผล

Page 39: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาการวิ�จั ย (Research Problems)

ประเด�นป-ญห�กำ�รว�จั�ย หม�ยถ1ง ค��ถ�มท�*ตั องกำ�รค��ตัอบซึ่1*งม�กำจัะกำล��วถ1งคว�มส�มพ�นธี"ระหว��ง

ตั�วแปรสองตั�วหร,อม�กำกำว��สองตั�วข้1+นไปว��ม�คว�ม ส�มพ�นธี"กำ�นอย��งไร เช้�น ตั องกำ�รทร�บว�� กำ�รใช้

ร�งว�ลม�คว�มส�มพ�นธี"กำ�บกำ�รอน�ร�กำษ"ปC�ไม ข้องน�กำเร�ยนหร,อไม�

Page 40: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาการวิ�จั ยก)ค์,อวิ ตีถุ%ประสงค์" การวิ�จั ย ซึ่6�งเข้�ยนในร�ปข้องประโยค์บีอก

เล�าหร,อประโยค์ค์�าถุามที่��ตี�องการค์�าตีอบีเช�น ตั องกำ�รศึ1กำษ�พฤตั�กำรรมกำ�รด!แลตันเองข้องผ! ปCวยเบ�

หว�น (ผ! ปCวยเบ�หว�นม�พฤตั�กำรรมกำ�รด!แลตันเองอย��งไร)

เพ,*อศึ1กำษ�คว�มส�มพ�นธี"ระหว��งคะแนนสอบ Entrance กำ�บคะแนนกำ�รเร�ยนในปDหน1*งส�มพ�นธี"กำ�นหร,อไม�อย��งไร)

Page 41: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อเสนอโค์รงการวิ�จั ย(Research Proposal)

เป4นแผนง�น โครงกำ�รและกำลว�ธี�ในกำ�รท��ว�จั�ยท�* กำ��หนดไว ล�วงหน � โครงเสนอกำ�รว�จั�ยม�หน �ท�* หล�กำ 2 ประกำ�ร ค,อ เป4นตั�วช้�+น��(guideline)ในกำ�รท��ว�จั�ยในเร,*อง

น�+นๆว��ม�แนวคว�มค�ด ทฤษฎี�อย!�อย��งไรตั องกำ�รห�ค��ตัอบอะไรและจัะห�ค��ตัอบน�+นได อย��งไร

เป4นเกำณ์ฑ์"ในกำ�รประเม�นง�นค นคว �ว�จั�ยเร,*องน�+นว��ประสบผลส��เร�จัเพ�ยงใด

Page 42: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

รายงานการวิ�จั ย(Research Report)

ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยเป4นเอกำส�รท�*ได จั�กำกำ�รศึ1กำษ�และเกำ�บรวบรวมข้ อม!ลม�

ว�เคร�ะห"น��ม�เร�ยบเร�ยงข้1+นใหม�อย��งม�ระบบระเบ�ยบตั�มส�กำลน�ยมและได

เน,+อห�ส�ระครบถ วนสมบ!รณ์" ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท��ให ผ! อ��นทร�บว��ท��อะไรท��อย��งไรท��ไมจั1งตั องท��ม�กำรอบแนวค�ดหล�กำกำ�รและเหตั�ผลอย��งไรท��แล วได ผลอย��งไร

Page 43: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 44: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

เน,+อห�ข้องเร,*องน�+นม�อะไรบ �ง ม�ข้อบเข้ตัม�กำน อยแค�ไหนค��และข้ อคว�มท�*เกำ�*ยวข้ องม�คว�มหม�ยท�งว�ช้�กำ�รและกำ�รว�จั�ยอย��งไร แนวค�ดและทฤษฎี�ม�อะไรบ �ง ใจัคว�มทฤษฎี�ว��อย��งไร ร!ปแบบกำ�รว�จั�ย กำ�รท��ว�จั�ยเร,*องน�+ใช้ กำ�รท��ว�จั�ยอย��งไรบ �ง

ม�กำรอบแนวค�ดอย��งไร ม�ตั�วแปรอ�สระ ตั�วแปรตั�ม ว�ตัถ�ประสงค"และ

สมมตั�ฐ�นตั�+งกำ�นไว อย��งไร กำ�รส��มตั�วอย��ง ว�ธี�กำ�รรวบรวบข้ อม!ลและ

ว�เคร�ะห"อย��งไร

Page 45: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

ว�สด�อ�ปกำรณ์"และเคร,*องม,อท�*ใช้ ในกำ�รท��ว�จั�ย และรวบรวมข้ อม!ลม�อะไรบ �งม�ค�ณ์บ�ตั�อย��งไร

ม�กำ�รพ�ฒิน�หร,อทดสอบค�ณ์ภิ�พอย��งไรบ �ง ง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ อง ม�ใครท��อะไรบ �ง เร,*อง

อะไร ท��ท�*ไหน เม,*อไร ได ผลอย��งไร รวมท�+งม�ป-จัจั�ยหร,อตั�วแปรอะไรบ �งท�*เกำ�*ยวข้ องหร,อม�ผลตั�อกำ�รว�จั�ย

Page 46: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้นาดกล%�มตี วิอย�าง(sample size)

ข้น�ดกำล��มตั�วอย��งเป4นจั��นวนตั�วอย��งท�*ตั องกำ�รใช้ กำ�รท��ว�จั�ยกำ�รจัะ

ใช้ ข้น�ดกำล��มตั�วอย��ง�ม�กำน อยเท��ใด ข้1+นอย!�กำ�บป-จัจั�ยหล�ยอย��งท�*ส��ค�ญ

คว�มเสมอเหม,อนกำ�นข้องหน�วยประช้�กำรท�*ศึ1กำษ� ถ �เหม,อนกำ�น ม�กำ ใช้ น อยกำ�พอ ถ �ตั��งกำ�นม�กำกำ�ตั องเอ�ม�ม�กำหน�อย

จั��นวนตั�วแปรท�*ตั องศึ1กำษ� ถ �ม�ตั�วแปรอ�สระม�กำ หล�ยตั�ว และ แตั�ละตั�วแบ�งประเภิทเป4นหล�ยระด�บจัะตั องเอ�ม�ม�กำ ม�ฉะน�+น

เม,*อแบ�งเป4นกำล��มแล วจัะไม�พอว�เคร�ะห" ถ �เปร�ยบเท�ยบแตั�ละ กำล��มไม�พอว�เคร�ะห" ถ �เปร�ยบเท�ยบแตั�ละกำล��มไม�ควรน อยกำว��

10 ตั�วอย��ง แตั�เพ,*อคว�มปลอดภิ�ยควรใช้ กำล��มละประม�ณ์ 20

Page 47: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

ว�ธี�กำ�รเกำ�บรวบรวมข้ อม!ล ถ �ใช้ ส�งแบบสอบถ�มใช้ ม�กำกำ�ได แตั�ถ �ใช้ กำ�รส�มภิ�ษณ์"หร,อกำ�รส�งเกำตัควรใช้ น อยหน�อย

เวล� กำ��ล�งคน และ เง�น ถ �ม�ม�กำ�ใช้ ม�กำ ถ � น อยกำ�ใช้ ให พอเหม�ะ คว�มคล�ดเคล,*อนท�*เกำ�ดข้1+น ตั�มทฤษฎี�ถ �ใช้ ข้น�ดกำล��มตั�วอย��ง

น อยจัะม�คว�มคล�ดเคล,*อนม�กำ แตั�ถ �เพ�*มข้น�ดกำล��มตั�วอย��งม�กำข้1+น คว�มคล�ดคล,*นจัะลดลงเม,*อเพ�*มข้น�ดกำล��มตั�วอย��งถ1งจั�ดหน1*ง คว�มคล�ดจัะคงท�*และถ �เพ�*มม�กำข้1+นอ�กำ คว�มคล�ดเคล,*อนอ�จัจัะ

เพ�*มข้1+นอ�กำ ส!ตัรกำ�รห�ข้น�ดกำล��มตั�วอย��งท�*ส�มรถใช้ ได ด�เม,*อม�โอกำ�สเกำ�ดและไม�เกำ�ดเหตั�กำ�รณ์"ท�*ตั องกำ�รศึ1กำษ�เท��กำ�น ค,อส!ตัรข้อง

Yamane N ค,อจั��นวนสม�ช้�กำประช้�กำร eค,อคว�มคล�ดเคล,*อนท�*ยอมร�บได ถ � e= 0.05 จัะม�ค��ใกำล เค�ยงกำ�บ

ส!ตัร

2Ne1

Nn

N399

N400n

Page 48: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนเช�งการส%�ม (Sampling Error)

คว�มคล�ดเคล,*อนเช้�งกำ�รส��มเป4นคว�มคล�ดเคล,*อนข้องค��ส�งเกำตั(Observation)ท�*เกำ�ดจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��ง หร,ออ�กำน�ยหน1*งเป4นผลตั��งข้องค��ส�งเกำตัท�*ได จั�กำประช้�กำรกำ�บท�*ได จั�กำกำล��มตั�วอย��ง น�*นค,อ

E

XE

X

ค��คว�มคล�ดเคล,*อนค��เฉล�*ยข้องประช้�กำร

ค��เฉล�*ยข้องกำล��มตั�วอย��ง

Page 49: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

วิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"(Scientific Approach)

ว�ธี�กำ�รท�งว�ทย�ศึ�สตัร"เป4นร!ปแบบเช้�งระบบโดยเฉพ�ะข้องกำ�รค�ดค นห�เหตั�ผลและส,บเส�ะ

แสวงห�คว�มร! ใหม� ๆ ซึ่1*งม� 5 ข้�+นตัอน ได แกำ� (Van Dalen, 1979 : 12)1 . ม�คว�มร! ส1กำว��เป4นป-ญห�ค,อม�เร,*องท�*เกำ�ดสงส�ยเป4นป-ญห� อ�ปสรรค ตั องกำ�ร

ท��คว�มเข้ �ใจั ใคร�ห�ค��ตัอบ2. กำ��หนดและท��คว�มเข้ �ใจัป-ญห�น�+นให ช้�ดเจัน3. เสนอค��ตัอบข้องป-ญห�ด วยกำ�รตั�+งเป4นสมมตั�ฐ�น4. ค�ดค นห�เหตั�ผลเช้�งอน�ม�นและอ�ปม�นว�ธี�เพ,*อตัรวจัสอบสมมตั�ฐ�นให แน�ใจัว��

สมมตั�ฐ�นท�*ม�เหตั�ผลและถ!กำตั อง5. ทดสอบสมมตั�ฐ�นท�*ตั� +งไว ด วยกำ�รรวบรวมข้ อม!ลน��ม�ว�เคร�ะห"ย,นย�นสมมตั�ฐ�น

ท�*ตั� +งไว

Page 50: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กาวิ�จั ยที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" (Scientific Research)

กำ�รว�จั�ยท�งว�ทย�ศึ�สตัร"เป4นกำ�รค นคว �ห�เหตั�ผลข้องปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรมช้�ตั�

อย��งเป4นระบบ เช้�งประจั�กำษ"และม�กำ�รควบค�มตั�วแปรภิ�ยนอกำ เพ,*อน��ไปส!�กำ�รสร �ง

ทฤษฎี�และสมมตั�ฐ�นท�*แสดงถ1ง คว�มส�มพ�นธี"ระหว��งปร�กำฏกำ�รณ์"น�+นกำ�รว�จั�ยท�งว�ทย�ศึ�สตัร"น�+นจัะตั อง (Kerlinger, 1982 : 11-2)1 . เป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ท�*เป4นระบบและม�กำ�รควบค�มตั�วแปรท�*

เกำ�*ยวข้ อง เพ,*อให ผลกำ�รว�จั�ยท�*ได เช้,*อถ,อได ส!งส�ด2. เป4นกำ�รค นคว �ห�เหตั�ผลเช้�งประจั�กำษ" ด วยกำ�รตัรวจัสอบข้ อม!ล

หล�กำฐ�นท�*เกำ�ดข้1+นตั�มคว�มเป4นจัร�งและตัรวจัสอบอย��งเป4นปรน�ย

Page 51: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร" (Social Sciences Research)

กำ�รว�จั�ยท�งส�งคมเป4นกำ�รว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บพฤตั�กำรรมข้องมน�ษย" เป4นเร,*องท�*

เกำ�*ยวกำ�บช้�มช้นและส�งคมท�*มน�ษย"อย!� เช้�น คว�มร! คว�มเช้,*อ ประเพณ์� ว�ฒินธีรรม

คว�มค�ดเห�น และกำ�รปฏ�บ�ตั�ในล�กำษณ์ะตั��งๆ เป4นตั นโดยแบ�งย�อยตั�มส�ข้�ข้องส�งคมศึ�สตัร"ได อ�กำเช้�น1. กำ�รว�จั�ยท�งส�งคมว�ทย� 7. กำ�รว�จั�ยท�งปร�ช้ญ�2. กำ�รว�จั�ยท�งม�น�ษยว�ทย� 8. กำ�รว�จั�ยท�งกำ�รศึ1กำษ�3. กำ�รว�จั�ยท�งเศึรษฐกำ�จั ฯลฯ4. กำ�รว�จั�ยท�งร�ฐศึ�สตัร"5. กำ�รว�จั�ยท�งจั�ตัว�ทย�6. กำ�รว�จั�ยท�งน�ตั�ศึ�สตัร"

Page 52: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยเช�งส�ารวิจั (Survey Research)

เป4นกำ�รศึ1กำษ�ค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งท�*ปร�กำฏอย!� ม�อย!�ว��อย��งใด ท�+งน�+เพ,*อบรรย�ย

สถ�นภิ�พท�*ปร�กำฏอย!� ม�อย!�น� +น เพ,*อเปร�ยบเท�ยบกำ�บสถ�นภิ�พท�*ปร�กำฏอย!�ใน ล�กำษณ์ะตั��งๆ และเปร�ยบเท�ยบกำ�บสถ�นภิ�พท�*เป4นม�ตัรฐ�น โดยไม�สนใจัว��

ท��ไมจั1งปร�กำฏอย!�หร,อม�อย!�อย��งน�+น กำ�รว�จั�ยเช้�งส��รวจัม�กำศึ1กำษ�ในข้อบเข้ตัท�*กำว �ง เกำ�*ยวกำ�บเร,*องร�ว 4 ประกำ�ร

1. ล�กำษณ์ะท�งประช้�กำร เช้�น เพศึ อ�ย� สถ�นภิ�พสมรส ล�กำษณ์ะครอบคร�วเป4นตั น

2. สภิ�พท�งส�งคม- เศึรษฐกำ�จั เช้�น อ�ช้�พ ร�ยได กำ�รศึ1กำษ� สภิ�พส�งคมท�*วไป เป4นตั น

Page 53: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

3. พฤตั�กำรรมและกำ�จักำรรมข้องประช้�ช้น เช้�น กำ�รใช้ เวล�ว��ง ล�กำษณ์ะกำ�รใช้ จั��ย กำ�รด!โทรท�ศึน" กำ�รฟั-งว�ทย� กำ�รอ��น

หน�งส,อพ�มพ" เป4นตั น4. คว�มค�ดเห�น เจัตัคตั� และคว�มเช้,*อข้องประช้�ช้น เช้�น คว�มค�ด

เห�นเกำ�*ยวกำ�บกำ�รเล,อกำตั�+งผ! ว��ร�ช้กำ�รจั�งหว�ด เป4นตั น

และแบ�งตั�มล�กำษณ์ะส�*งท�*ใช้ ส��รวจั ได เป4น 5 ประเภิท ได แกำ� กำ�รส��รวจั

โรงเร�ยน กำ�รว�เคร�ะห"ง�น กำ�รว�เคร�ะห"เอกำส�ร กำ�รส��รวจัประช้�มตั� กำ�รส��รวจัช้�มช้น

Page 54: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 55: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

และ

โดยผศ.ปราโมที่ย"

ค์รองย%ที่ธี

การแสวิงหาค์วิามร��และป*ญญาโดยบี�รณาการการวิ�จั ย และสถุ�ตี�

เช�งวิ�ที่ยาศาสตีร"

Page 56: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามร�� : ข้�อม�ลและสารสนเที่ศกล �นกรองแล�วิ

สารสนเที่ศ : ข้�อม�ลที่��ประมวิลผลแล�วิ วิ�เค์ราะห" / ส งเค์ราะห"

ข้�อม�ล : - ข้�อเที่)จัจัร�ง - ข้�าวิสาร เน,3อหา สาระ - ที่��เป7นค์วิามจัร�ง - เป7นตี วิเลข้,ข้�อค์วิาม - ได�มาจัากการส งเกตี%วิ ดน บีจัด

บี�รณาการ

ค์วิามร��Knowledge

สารสนเที่ศInformation

ข้�อม�ลData

Page 57: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. การส งเกตี2. การระบี%ป*ญหา

3. กรอบีที่ฤษฎี�ที่��เก��ยวิข้�อง4. สมมตี�ฐาน

5. การรวิบีรวิมข้�อม�ล/วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล6. การสร%ปผล

Page 58: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ป*ญหาระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่างสถุ�ตี�

2. การวิางแผน3. การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล4. การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล5. การสร%ปผล6. การน�าไปใช�

Page 59: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้ 3นตีอนการวิ�จั ยการศ6กษาป*ญหา

ออกแบีบีการวิ�จั ยการรวิบีรวิมข้�อม�ล

ประมวิลผล/วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลสร%ปผล

การน�าไปใช�

Page 60: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การศ6กษาค์�นค์วิ�า การศ6กษาค์�นค์วิ�า วิ�เค์ราะห" หร,อที่ดลองอย�างม� วิ�เค์ราะห" หร,อที่ดลองอย�างม�

ระบีบีโดยอาศ ยอ%ปกรณ"หร,อระบีบีโดยอาศ ยอ%ปกรณ"หร,อ วิ�ธี�การ เพิ,�อให�พิบีข้�อเที่)จัจัร�ง วิ�ธี�การ เพิ,�อให�พิบีข้�อเที่)จัจัร�ง

หร,อหล กการไปใช�ในการตี 3งหร,อหล กการไปใช�ในการตี 3ง กฎี ที่ฤษฎี� หร,อแนวิที่างใน กฎี ที่ฤษฎี� หร,อแนวิที่างใน

การปฏิ�บี ตี� การปฏิ�บี ตี�

Page 61: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" หมายถุ6ง การส�ารวิจั

วิ�เค์ราะห" ที่ดลองอย�างม� ระบีบี และเป7นข้ 3นตีอน ด�วิยอ%ปกรณ"

หร,อวิ�ธี�พิ�เศษ เก��ยวิก บี ธีรรมชาตี� ส��งม�ช�วิ�ตี

ปรากฏิการณ"ธีรรมชาตี� ตีลอดจันส��งที่��มน%ษย"ได�สร�างสรรข้63น

มาด�วิยค์วิามร�� หร,อ ประสบีการณ" เพิ,�อเสนอค์วิามร��

ใหม� เพิ,�อส%ข้ภาพิอนาม ย ค์วิาม ผาส%ข้ และค์วิามเจัร�ญก�าวิหน�า

ข้องมน%ษยชาตี�

Page 62: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร" หมายถุ6งการศ6กษา

ค์�นค์วิ�าหาค์วิามจัร�งด�วิยระบีบีและวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"

เก��ยวิก บี พิฤตี�กรรม ปรากฏิการณ" หร,อปฏิ�ก�ร�ยา

ตีลอดจันค์วิามร��ส6กน6กค์�ดข้อง มน%ษย"และส งค์ม เพิ,�อให�ที่ราบี

ถุ6งค์วิามร��และค์วิามจัร�งที่��จัะน�า มาแก�ป*ญหาข้องส งค์ม หร,อก�อ

ให�เก�ดค์วิามร��ใหม�

Page 63: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

น กวิ�จั ย หมายถุ6ง ผ��ที่��ด�าเน�นการ

ค์�นค์วิ�าหาค์วิามร��อย�างเป7นระบีบี เพิ,�อตีอบีประเด)นที่��สงส ย โดยม�

ระเบี�ยบีวิ�ธี�อ นเป7นที่��ยอมร บีในแตี�ละ ศาสตีร"ที่��เก��ยวิข้�อง ซึ่6�งค์รอบีค์ล%ม

ที่ 3งแนวิค์�ด มโนที่ ศน" และวิ�ธี�การที่��ใช�ในการรวิบีรวิมและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 64: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณะที่��จั�าเป7นส�าหร บีน กวิ�จั ยค์�าวิ�า วิ�จั ย “ ” = RESEARCH = ร�เส�ร"ช จัากที่��ประช%ม Pan pacific Science Congress

ในปB ค์.ศ. 1961 “ได�แยกอธี�บีายตี วิอ กษรตี�าง ๆ ข้องค์�าวิ�า RESEARCH” ไวิ�ด งน�3R = Recruitment & Relationship

การฝึEกฝึนตีนให�ม�ค์วิามร�� รวิมที่ 3งรวิบีรวิมผ��ที่��ม�ค์วิามเพิ,�อปฏิ�บี ตี�งานร�วิมก น ตี�ดตี�อและประสานงานก นE = Eclucation & Efficiency

ผ��วิ�จั ยตี�องม�การศ6กษาม�ค์วิามร��ประส�ที่ธี�ภาพิS = Sciences & Stimulation

เป7นศาสตีร"หร,อค์วิามร��ที่��ตี�องม�การพิ�ส�จัน" ค์�นค์วิ�าเพิ,�อหาค์วิามจัร�ง ผ��วิ�จั ยม�พิล งค์วิามค์�ดร�เร��มและกระตี,อร,อร�นE = Evaluation & Environmentร��จั กประเม�นวิ�าม�ประโยชน"ที่��จัะที่�าตี�อไปหร,อไม�และตี�องร��จั กใช�เค์ร,�องม,อและอ%ปกรณ"

ตี�าง ๆ ในการวิ�จั ย

Page 65: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณะที่��จั�าเป7นส�าหร บีน กวิ�จั ย (ตี�อ)

A = Aim & Attitude ตี�องม�จั%ดม%�งหมาย เป�าหมายที่��ช ดเจัน แน�วิแน�และม�ที่ ศนค์ตี�ที่��ด�ตี�อการที่�าวิ�จั ย

R = Result ผลการวิ�จั ยที่��ออกมาจัากการศ6กษาค์�นค์วิ�าอย�างเป7นระบีบี ตี�องยอมร บีโดยด%ษฎี�

C = Curiosity ผ��วิ�จั ยตี�องม�ค์วิามอยากร��อยากเห)น ม�ค์วิามสนใจั และข้วินข้วิายในงานวิ�จั ยอย��ตีลอด

เวิลา แม�ค์วิามอยากร��อยากเห)นจัะม�เพิ�ยงเล)กน�อยH = Horizon

เม,�อได�ผลการวิ�จั ยปรากฎีออกมาจัะที่�าให�ที่ราบีและเข้�าใจัป*ญหาเหล�าน 3นได� เหม,อนเก�ดแสงสวิ�างหร,อป*ญญาข้63น

Page 66: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. การวิ�จั ยเบี,3องตี�น/บีร�ส%ที่ธี�F Basic/Pure Research

2. การวิ�จั ยประย%กตี" Applied Research

Page 67: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเภที่ข้องการวิ�จั ยประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"ตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"

1. การวิ�จั ยเช�งพิรรณนา Descriptive Research

2 . การวิ�จั ยเช�งส,บีเสาะ Exploratory Research

3 . การวิ�จั ยเช�งสาเหตี% Casual Research

Page 68: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเภที่ข้องการวิ�จั ยประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามล กษณะข้องข้�อม�ลตีามล กษณะข้องข้�อม�ล

1. การวิ�จั ยเช�งค์%ณภาพิ Qualitative Research

2 . การวิ�จั ยเช�งปร�มาณ Quantitative Research

Page 69: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 1 บีที่น�า

RESEARCH PROPOSAL

แบีบีเสนอโค์รงการวิ�จั ย

• แสดงที่�ศที่างป*ญหาที่��ตี�องการแสดงที่�ศที่างป*ญหาที่��ตี�องการ• กะที่ ดร ด ช ดเจัน กะที่ ดร ด ช ดเจัน

• แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปรแสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปร• เป7นประโยค์บีอกเล�าเป7นประโยค์บีอกเล�า

• สามาถุบีอกข้องเข้ตีข้องการวิ�จั ยสามาถุบีอกข้องเข้ตีข้องการวิ�จั ย

1. 1. ช,�อโค์รงการวิ�จั ย ช,�อโค์รงการวิ�จั ย (Project Title)(Project Title)

Page 70: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง

* ……ผลกระที่บี .* …การศ6กษาป*จัจั ย ...* การศ6กษาค์วิาม

……ส มพิ นธี"* ……ค์วิามพิ6งพิอใจั

Page 71: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กราฟัช�วิ�ตีน กวิ�จั ย

อ%ปสรรค์

ค์วิามหวิ ง

ค์วิามส�าเร)จั

Page 72: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1 . วิ�ที่ยาศาตีร"ธีรรมชาตี�และค์ณ�ตีศาสตีร"

2. ค์อมพิ�วิเตีอร"และเที่ค์โนโลย�การส,�อสาร

3 . วิ�ที่ยาศาสตีร"การแพิที่ย" 4 . เกษตีรศาสตีร" 5 . ส งค์มศาสตีร" 6 . มน%ษยศาสตีร"

สาข้าวิ�จั ย

Page 73: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ศ6กษาศาสตีร"และการฝึEกห ดค์ร�

2. มน%ษยศาสตีร" ศาสนา และเที่วิวิ�ที่ยา

3. วิ�จั�ตีรศ�ลปGและประย%กตี"ศ�ลปG

4. น�ตี�ศาสตีร" 5 . ส งค์มศาสตีร" 6. วิ�ที่ยาศาสตีร"ธีรรมชาตี�

สาข้าวิ�ชาการ

Page 74: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. แพิที่ยศาสตีร"และวิ�ชาที่��เก��ยวิข้�องก บีส%ข้ภาพิ8. วิ�ศวิกรรมศาสตีร"9. เกษตีรศาสตีร"10. วิ�ชาอ,�นๆ ได�แก�

เที่ค์โนโลย�ส��งแวิดล�อม ส��งแวิดล�อมการศ6กษา

สาข้าวิ�ชาการ (ตี�อ)

Page 75: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Theories Empirical HypothesesGeneralizations

Observations

The Wheel of Science

INDUCTION DEDUCTION

Page 76: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

…เร��มที่��ไหน …เร��มที่��ไหน .. .. เม,�อเห)นเม,�อเห)น//เก�ดป*ญหาเก�ดป*ญหา จั�าเป7นหร,อไม�จั�าเป7นหร,อไม�// …เพิราะอะไร …เพิราะอะไร .. .. ค์วิามค์วิามส�าค์ ญส�าค์ ญ// ค์วิามเป7นมา ค์วิามเป7นมา ข้องป*ญหาข้องป*ญหา ที่�าไปที่�าไม ที่�าไปที่�าไม…….. .. วิ ตีถุ%ประสงค์"วิ ตีถุ%ประสงค์" เป7นเร,�องข้องเป7นเร,�องข้อง

อะไร อะไร ..... ..... กรอบีกรอบีแนวิค์�ดแนวิค์�ด เร,�องน 3นน�าจัะเป7นเพิราะอะไร เร,�องน 3นน�าจัะเป7นเพิราะอะไร .…. .…. สมมตี�ฐานการวิ�จั ยสมมตี�ฐานการวิ�จั ย

Page 77: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

((ตี�อตี�อ)) …ที่�าละเอ�ยดแค์�ไหน …ที่�าละเอ�ยดแค์�ไหน .. .. ((ข้อบีเข้ตีการวิ�จั ยข้อบีเข้ตีการวิ�จั ย)) ใช�ได�ก บีค์นอ,�นหร,อไม� …ใช�ได�ก บีค์นอ,�นหร,อไม� … .. ( .. (ข้�อข้�อจั�าก ดการวิ�จั ยจั�าก ดการวิ�จั ย))

GGeneralizationeneralization …จัะให�เข้�าใจัการวิ�จั ยได�อย�างไร …จัะให�เข้�าใจัการวิ�จั ยได�อย�างไร .. .. ((ข้�อตีกลงเบี,3องตี�นข้�อตีกลงเบี,3องตี�น)) …ที่�าวิ�จั ยเร,�องอะไรบี�าง …ที่�าวิ�จั ยเร,�องอะไรบี�าง ... ... ((น�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การน�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การ))

Page 78: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แบีบีเสนอโค์รงการวิ�จั ย 1. ช,�อแผนงานวิ�จั ย 2. หน�วิยงานหล กที่��ร บีผ�ดชอบี 3. ค์ณะผ��บีร�หารแผนงานวิ�จั ย 4. ประเภที่ข้องการวิ�จั ย 5. สาข้าวิ�ชาการหล ก และกล%�มวิ�ชาการหล ก 6. ค์�าส�าค์ ญข้องแผนงานวิ�จั ย 7. ค์วิามส�าค์ ญและที่��มาข้องแผนงานวิ�จั ย และ การที่บีที่วินเอกสารที่��เก��ยวิข้�อง 8. วิ ตีถุ%ประสงค์"หล กข้องแผนงานวิ�จั ย 9. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี และหน�วิยงานที่��จัะน�าผลการ วิ�จั ยไปใช�ประโยชน"

Page 79: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

10. ที่ฤษฎี� สมมตี�ฐานหร,อกรอบีแนวิค์�ด11. เอกสารอ�างอ�ง12. ระเบี�ยบีวิ�ธี�วิ�จั ย13. ข้อบีเข้ตีข้องแผนงานวิ�จั ย14. ระยะเวิลาที่��ที่�าการวิ�จั ยและสถุานที่��ที่�าการที่ดลอง และหร,อเก)บีข้�อม�ล15. แผนการบีร�หารและแผนการด�าเน�นงานวิ�จั ย16. แผนการถุ�ายที่อดเที่ค์โนโลย�หร,อผลการวิ�จั ยส��กล%�มเป�าหมาย17. อ%ปกรณ"ที่��จั�าเป7นข้องแผนงานวิ�จั ย (ถุ�าม�)18. งบีประมาณข้องแผนงานวิ�จั ย19. แผนงานวิ�จั ยตี�อเน,�องปBที่��สองข้63นไป20. การวิ�จั ยอ,�น ๆ ถุ�าม�

Page 80: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ช,�อโค์รงการ2. ประเภที่ข้องโค์รงการ3. สาข้าวิ�ชาที่��ที่�าการวิ�จั ย4. ผ��ด�าเน�นการวิ�จั ย

5. ค์วิามส�าค์ ญและค์วิามเป7นมา ข้องป*ญหา

Page 81: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องโค์รงการวิ�จั ย7. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี

8. เอกสารและผลงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง9. ระเบี�ยบีวิ�ธี�วิ�จั ย

10. ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย

((ตี�อตี�อ))

Page 82: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

11. สถุานที่��ที่�าการเก)บีข้�อม�ล12. ระยะเวิลาที่�าการวิ�จั ย

13. แผนการด�าเน�นงาน 14. อ%ปกรณ"ในการวิ�จั ย

15. รายละเอ�ยดงบีประมาณ

((ตี�อตี�อ))

Page 83: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์วิามส�าค์ ญข้องป*ญหา• บีอกค์วิามเป7นมาและค์วิาม

ส�าค์ ญข้องป*ญหา โดย วิ�เค์ราะห"ป*ญหา เสนอค์วิามค์�ด

ที่ฤษฎี� การค์�นพิบี และกล�าวิถุ6งสภาพิป*ญหาซึ่6�งเป7นเหตี%ผลให�ที่�าการวิ�จั ย• แสดงให�เห)นข้นาดปร�มาณหร,อค์วิามร%นแรงข้องป*ญหา

Page 84: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการวิ�จั ย• เพิ,�อที่ราบีข้�อเที่)จัจัร�งที่��ม�อย��• เพิ,�อที่ราบีสาเหตี%แห�งป*ญหา

และสามารถุน�าไปตี 3ง เป7นสมมตี�ฐานตี�อไป• แยกตี วิแปรย�อยเป7นข้�อ ๆ• เป7นเร,�องการน�าผลการวิ�จั ยไป

ใช�ประโยชน"

Page 85: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. สมมตี�ฐาน• ข้�อค์วิามสมมตี�ฐานที่��ผ��วิ�จั ยค์าดไวิ�

เก��ยวิก บีค์%ณล กษณะ และค์วิามส�าค์ ญข้องตี วิแปร• ข้�อค์วิามก�าหนดที่�ศที่างข้องส��งที่��

ค์�นหา เพิ,�อตีอบีวิ ตีถุ% ประสงค์"• ม�เหตี%ผลสน บีสน%น• สมมตี�ฐานการวิ�จั ย และสมมตี�ฐานที่าง

สถุ�ตี� (ที่ดสอบี)

Page 86: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย• ค์วิามค์รอบีค์ล%มข้องเร,�องที่��ที่�าการวิ�จั ย• กรอบีข้องประชากรและตี วิอย�าง• พิ,3นที่��การวิ�จั ย• เวิลา

Page 87: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6 . 6 . น�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การน�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การ• เป7น เป7น keyword keyword ในการวิ�จั ย ซึ่6�งในการวิ�จั ย ซึ่6�งหมายถุ6งตี วิแปรในการวิ�จั ยหมายถุ6งตี วิแปรในการวิ�จั ย• ช ดเจัน ตีรงประเด)น ให�ค์วิามหมายช ดเจัน ตีรงประเด)น ให�ค์วิามหมายที่��เข้�าใจัตีรงก นที่��เข้�าใจัตีรงก น• เป7นร�ปธีรรม สามารถุวิ ด และเป7นร�ปธีรรม สามารถุวิ ด และที่ดสอบีได�ที่ดสอบีได�

Page 88: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. ข้�อจั�าก ดข้องการวิ�จั ย• เป7นการอ�างอ�ง ซึ่6�งเป7นผลมาจัากการก�าหนดข้อบีเข้ตีในการวิ�จั ย

Page 89: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

8. ข้�อตีกลงเบี,3องตี�น• ม กเป7นเร,�องข้�อผ�ดพิลาดที่��อาจัจัะ

เก�ดข้63นจัากการวิ�จั ย เช�น การวิ�จั ยค์ร 3งน�3กระที่�าในยามที่��เหตี%การณ"

ปกตี� / ไม�เก��ยวิข้�องก บีการเปล��ยนแปลงข้องอ ตีราแลก

เปล��ยน / ใช�เค์ร,�องม,อเป7นที่��ยอมร บีโดยที่ �วิไปย งไม�ม�เค์ร,�องม,อใหม�มา

ที่ดแที่น เป7นตี�น• ข้�อตีกลงเก��ยวิก บีการกระจัาย

ข้องข้�อม�ล เช�น ม�การแจักแจังแบีบี ปกตี� เป7นตี�น

Page 90: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

9. 9. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บีประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี• สอดค์ล�องก บีสอดค์ล�องก บีวิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ตี 3งไวิ�วิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ตี 3งไวิ�

11. 11. งบีประมาณงบีประมาณ• แยกตีามรายหมวิดแยกตีามรายหมวิด

10. 10. ระยะเวิลาในการวิ�จั ยระยะเวิลาในการวิ�จั ย• ระยะเวิลาที่��ใช�ในการวิ�จั ยระยะเวิลาที่��ใช�ในการวิ�จั ย• แผนปฏิ�บี ตี�การ แผนปฏิ�บี ตี�การ

Page 91: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 2 แนวิค์�ด ที่ฤษฎี� และวิรรณกรรมที่��เก��ยวิข้�อง

Review of Literatures• แยกเป7นประเภที่ ๆ อย��ในหมวิดหม��เด�ยวิก น • Review เฉพิาะในส�วินที่��ใช�ที่ดสอบีสมมตี�ฐานและเพิ,�อ ย,นย นการค์�นพิบี

Page 92: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แนวิค์�ดตี วิแปรอ�สระ ตี วิแปรตีาม

เพิศ พิฤตี�กรรมการใช�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3ง

อาย%

การศ6กษาภ�ม�ภาค์

รายได�

Page 93: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแบีบี (Model)

- แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปรที่��ตี�องการศ6กษา อย��ในร�ปข้อง Chart หร,อ สมการ- ที่ดสอบีแนวิค์�ด ค์วิามเช,�อ สมมตี�ฐาน

Page 94: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย (Research Methodology)

1. แบีบีข้องการวิ�จั ย• เป7น survey / descriptive / experiment ใช� design แบีบีใด

• เป7น qualitative หร,อ quantitative

2. ประชากร

Page 95: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. 3. ตี วิอย�างตี วิอย�าง• ข้นาด ข้นาด ((เที่�าไรเที่�าไร))

• การส%�มตี วิอย�าง การส%�มตี วิอย�างเป7นแบีบีใดเป7นแบีบีใด 4 . 4 . การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

• วิ�ธี�การจั ดเก)บีวิ�ธี�การจั ดเก)บี• ม�การให� ม�การให� treatment treatment หร,อไม�หร,อไม�

Page 96: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5 . เค์ร,�องม,อ• แบีบีสอบีถุาม / แบีบีส มภาษณ" / การส งเกตี• รายละเอ�ยด แบีบีสอบีถุาม• ม�การที่ดสอบี reliability หร,อไม� ค์�าเป7นเที่�าไร

Page 97: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. การที่ดสอบีข้�อม�ล• ตี วิแปรในการวิ�จั ย ประกอบี

ด�วิยตี วิแปรอ�สระ ตี วิแปรตีามอะไรบี�าง• สถุ�ตี�ที่��ใช�ในการที่ดสอบี7. การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

• ใช�วิ�ธี�การใด

Page 98: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ ดค์�ากระบีวินการแปรสภาพิแนวิค์วิามค์�ด (concepts) หร,อตี วิแปร (variables) ซึ่6�งม�ล กษณะเป7นนามธีรรมให�เป7นข้�อม�ลที่างสถุ�ตี�เช�งปร�มาณหร,อเช�งค์%ณภาพิ

Measurement

Page 99: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Individuals2. Groups3. Organizations4. Social Artifacts

Units of Analysis

Page 100: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Cross-Sectional Studies2. Longitudinal Studies

The Time Dimension

Page 101: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Nominal scale นามบี ญญ ตี�• จั ดกล%�ม ค์รอบีค์ล%ม ค์รบีถุ�วิน• ไม�สามารถุด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�

ระด บีข้องการวิ ดค์�า

Page 102: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

เพิศ1. ชาย 2. หญ�ง

ภาค์1. เหน,อ 2. กลาง 3. อ�สาน4. ใตี� 5. กที่ม.

2 - 1 ไม�เที่�าก บี 5 - 4

2 ไม�มากกวิ�า 1

Page 103: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Ordinal scale เร�ยงล�าด บี /อ นด บีมาตีรา • จั ดกล%�ม ค์รบีถุ�วิน + จั ดล�าด บี• ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได� เพิ�ยงมากกวิ�า น�อยกวิ�าตี�าแหน�ง 1 = อาจัารย" 2 = ผศ.

3 = รศ. 4 = ศ. 2 > 1 4 > 3

แตี� - 2 1 =/= 4 -3

Page 104: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

IIIIIIII IIIII 3

อ นตีรภาค์• Nominal + Ordinal

• ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�ถุ6ง +,-

• ไม�ม�ศ�นย"ส มบี�รณ"(absolute zero)

อ%ณหภ�ม�oF

oC

Page 105: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. Ratio scale อ ตีราส�วิน• Nominal + Ordinal

• ศ�นย"ส มบี�รณ" ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�ค์รบีน�3าหน ก0 20 40 ก�โลกร ม

ส�วินส�ง0 50 100

เซึ่นตี�เมตีร

Page 106: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การแปลงระด บี …อาย% .. ปB

อ ตีราส�วินอาย% [ ] 0 - 4 ปB [ ] 5 - 9 ปB

อ นด บี [ ] 10 - 14 ปB [ ] 15

- 19 ปBอาย% [ ] ตี��ากวิ�า 20 ปB [ ]

20 ปBข้63นไป นามบี ญญ ตี�

Page 107: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ATTITUDEAffective component

ค์วิามร��ส6กCognitive component

ค์วิามค์�ดbehavioral component

พิฤตี�กรรม

Page 108: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Comparative scales Noncomparative scalesNoncomparative scales

Scaling Techniques

Paired

Comparison

Paired

ComparisonRank

Order

Rank

OrderConstant

sum

Constant

sumQ-sort

Others

Q-sort

OthersContinuons

Rating Scales

Continuons

Rating ScalesItemized

Rating Scales

Itemized

Rating Scales

LikertLikert Sematic Differential

Sematic Differential

StapleStaple

Page 109: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

-Paired comparison

- Rank order

- constant sum

- Q-sort

Comparative scalesComparative scales

Page 110: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Paired comparison Scaling

รร.1 รร.2 รร.3 รร.4

รร.1 0 0 0

รร.2 1 0 0

รร.3 1 1 0

รร.4 1 1 1

รวิม 3 2 1 0

1 = col > row 0 = col < row

Page 111: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Rank order scalingโปรดจั ดอ นด บีพิรรค์การเม,องที่��ที่�านชอบี

พิรรค์ อ นด บี A

B

C

D

E

Page 112: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Constant sum scalingโปรดให�ค์ะแนนค์วิามน�ยมพิรรค์การเม,องค์%ณล กษณะ พิรรค์ ก.

พิรรค์ ข้.

นโยบีายผลงานห วิหน�าพิรรค์ผ��สม ค์รรวิม 100 100

Page 113: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

- Continuous rating scales

- Itemized rating scales

- Likert

- Semantic differential

- Staple1

Noncomparative scalesNoncomparative scales

Page 114: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Continuous rating scales

ที่�านพิ6งพิอใจัห�างบี วิข้าวิอย�างไรแย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ดแย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ด

แย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ด 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100

0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100

แย�มาก ปานกลาง ด�ที่��ส%ด

Page 115: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Likert scale1 = ไม�เห)นด�วิยอย�างย��ง 4 = เห)นด�วิย2 = ไม�เห)นด�วิย 5 = เห)นด�วิย อย�างย��ง3 = เฉย ๆ

รายการรายการ 11 22 33 44 55

1. ………….1. ………….

2. …………..2. …………..

Page 116: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Semantic differential scales

ค์วิามเห)นตี�อห�างบี วิข้าวิ ล�าสม ย -- -- -- -- -- -- -- ที่ นสม ย

บีร�การไม�ด� -- -- -- -- -- -- -- บีร�การด� ราค์าถุ�ก -- -- -- -- -- -- -- ราค์าแพิง

ที่��จัอดรถุไม�สะดวิก -- -- -- -- -- -- -- ที่��จัอดรถุสะดวิก

X

XX

X

Page 117: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Stapel scales ค์วิามค์�ดเห)นตี�อโรงพิยาบีาล ก ข้ ค์

-3 -2 -1 บีร�การด� +1 +2 +3

-3 -2 -1 ราค์าเหมาะสม +1 +2+3

Page 118: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กเกณฑ์"1. จั�านวินระบีบีค์ะแนนที่��จัะใช�2. Balanced vs Unbalance scale

3. เลข้ค์�� vs เลข้ค์��4. บี งค์ บี vs ไม�บี งค์ บีการแสดงค์วิามค์�ดเห)น5. ร�ปแบีบี

Page 119: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Thermometer scale

Smiling face scale

1007550250

ชอบีมาก

ไม�ชอบีมาก

1 2 3 4 5

Page 120: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Scale Evaluation

ReliabilityReliabilityGeneralizability

Page 121: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อม�ลที่��ใช�ในการวิ�จั ยข้�อม�ลที่��ใช�ในการวิ�จั ย

1. 1. ข้�อม�ลปฐมภ�ม� ข้�อม�ลปฐมภ�ม� (primary data)(primary data)

2. 2. ข้�อม�ลที่%ตี�ยภ�ม� ข้�อม�ลที่%ตี�ยภ�ม� (secondary data)(secondary data)

Page 122: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

เค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

1. แบีบีสอบีถุาม (Questionnaire)

2. แบีบีส มภาษณ" (Interview schedule)

3. แบีบีตีรวิจัรายการ (Check list)

4. แบีบีที่ดสอบี (Test)

5. การส งเกตี (Observation)

Page 123: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

• ข้�อค์�าถุามที่��เก��ยวิข้�องก บีข้�อ เที่)จัจัร�ง ค์วิามค์�ดเห)น ค์วิาม

เช,�อ ที่ ศนค์ตี� ที่��รวิบีรวิมอย�างม� หล กเกณฑ์"เป7นระบีบี เพิ,�อให�

ประชากร / ตี วิอย�างเป7นผ��ตีอบี• สร�างจัากวิ ตีถุ%ประสงค์"สมมตี�ฐานการวิ�จั ย

แบีบีสอบีถุาม

Page 124: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. 1. ค์�าถุามปลายเป9ด ค์�าถุามปลายเป9ด (Open (Open end question)end question)

ที่�านชอบีอาช�พิราชการเพิราะ ที่�านชอบีอาช�พิราชการเพิราะ …………....

ที่�านเห)นด�วิยก บีร�าง พิรบีที่�านเห)นด�วิยก บีร�าง พิรบี . .การศ6กษาเพิราะ …การศ6กษาเพิราะ …..

ค์�าถุามในแบีบีสอบีถุาม

Page 125: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์�าถุามปลายป9ด (Close end question)

2.1 แบีบีเล,อกตีอบี 1 จัาก 2 ข้�อ (Check list)

ที่�านเห)นด�วิยก บีนโยบีายการจั ดระเบี�ยบีส งค์มหร,อไม�[ ] 1. เห)นด�วิย [ ] 2. ไม�เห)นด�วิย

Page 126: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

22. แบีบีเล,อกตีอบี 1 ข้�อจัากหลายข้�อ (Multiple choices)

อาช�พิหล กข้องที่�านค์,อ [ ] 1. ร บีราชการ [ ]

2. ร ฐวิ�สาหก�จั[ ] 3 . บีร�ษ ที่เอกชน [ ] 4 .อาช�พิส�วินตี วิ[ ] 5 . อ,�น ๆ (ระบี% ) ………. .

Page 127: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

23. แบีบีเล,อกตีอบีได�หลายข้�อ (Multi-response)

สถุานประกอบีการข้องที่�านปร บีปร%งก�จัการอย�างไร[ ] 1. กวิดข้ นผ��มาใช�บีร�การมากข้63น[ ] 2. จั�าง รปภ . เพิ��มข้63น[ ] 3. ปร บีเวิลาการให�บีร�การเร)วิข้63น[ ] 4. ลดราค์าค์�าบีร�การ[ ] 5. อ,�น ๆ (ระบี% ) ………….

Page 128: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

24. แบีบีเร�ยงล�าด บีค์วิามส�าค์ ญ (Rank priority)

ที่�านเห)นด�วิยก บีนโยบีายใดมากที่��ส%ด (ให�เล,อกหมายเล,อก 1 , 2, 3, 4 ตีามล�าด บีที่��เห)นด�วิยมากที่��ส%ดไปหาน�อยที่��ส%ด)

[ ] การจั ดระเบี�ยบีส งค์ม[ ] 30 บีาที่ร กษาที่%กโรค์[ ] หน6�งตี�าบีลหน6�งผล�ตีภ ณฑ์"[ ] เง�นก��หม��บี�านละ 1 ล�านบีาที่

Page 129: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

25. แบีบีให�มาตีราส�วินประมาณค์�า (Rating scale)

ที่�านม�ค์วิามเห)นเก��ยวิก บีนโยบีาย 30

บีาที่ร กษาที่%กโรค์อย�างไร[ ] 1. ไม�เห)นด�วิยอย�างย��ง[ ] 2. ไม�เห)นด�วิย[ ] 3. ไม�ม�ค์วิามเห)น[ ] 4. เห)นด�วิย[ ] 5. เห)นด�วิยอย�างย��ง

Page 130: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ใช�ค์วิามน�าจัะเป7น (Probability sampling)

2. ไม�ใช�ค์วิามน�าจัะเป7น (Non probability sampling)

วิ�ธี�การส%�มตี วิอย�าง

Page 131: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Simple random sampling อย�างง�าย2. Systematic random sampling เป7นระบีบี3. Stratified random sampling ช 3นภ�ม�4. Cluster random sampling กล%�ม

Probability sampling

Page 132: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

IIIIIIIII III IIIII1

แบีบีเจัาะจัง 2. Convenience

IIIIIIII สะดวิก / บี งเอ�ญ 3. Quota sampling

โค์วิตี�า

Non probability sampling

Page 133: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้63นอย��ก บี 1. ล กษณะข้องประชากร 2. วิ�ธี�การวิ�จั ย 3. วิ�ธี�การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล 4. ข้นาดข้องประชากร 5. ข้นาดข้องค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนที่��ยอมร บีได� 6. งบีประมาณ ระยะเวิลา

ข้นาดตี วิอย�าง

Page 134: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กการออกแบีบีวิ�จั ยหล กการออกแบีบีวิ�จั ย

MAX - MIN - CONMAX - MIN - CON

MAX MAX = Maximize the = Maximize the experimental varianceexperimental variance

MIN = Minimize the MIN = Minimize the error varianceerror variance

CON = CON = Control the Control the extraneous independent extraneous independent variablevariable

Experimental ResearchExperimental Research

Page 135: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการกล%�มเด�ยวิ

X O

2. แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการกล%�มเด�ยวิ

O X O

3. แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะกล%�มเด�ยวิ

O O O X O O O

Classical Designs

Page 136: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบี

X O

O

Page 137: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบี

X O

O X O

Page 138: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบีO O O X O O O

O O O O O O

Page 139: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7 . แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R X O

R O

8 . แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R O X O

R O O O

Page 140: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

9 . แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะม�กล%�มค์วิบีค์%มR O O O X O O O

R O O O O O O

แบีบีปร บีปร%งแบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการแยกกล%�มก นและม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R O

R X O

Page 141: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แบีบีโซึ่โลมอน 4 กล%�ม

R O1 X O2

R O3 O4

R X O5

R O6

Page 142: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Statistical Designs

1. Completely Randomized Design2. Randomized - Block Design3. Latin Square Design4. Factorial Design

Page 143: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การแจักแจังข้�อม�ล• การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล• การที่ดสอบีสมมตี�ฐาน

บีที่ที่�� 4 การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 144: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถุ�ตี�ที่��เหมาะสมก บีสถุ�ตี�ที่��เหมาะสมก บีระด บีการวิ ดระด บีการวิ ด

1. Nominal

Percentage

Mode

Chi-square

Binomial test

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

Page 145: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Ordinal

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

PercentileMedian

rank-order correlation

Page 146: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3 . Interval

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

RangeMeanS.D.

Product - moment correlation

Page 147: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. Ratio

Geometric mean

Coefficient of correlation

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

Page 148: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Descriptive StatisticsDescriptive Statistics

( . . , . . , . . )ModeMeadian

ค์�ากลางค์�ากลาง

การกระจัายการกระจัายRange Interquartile rangeADSD

Page 149: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามส มพิ นธี"Parametric Statistics

I IIIIII IIIIIII I II III IIIIIIIIIII I Point biserial correlation Ipb

I IIIIIII IIIIIIIIIII I b

Multiple correlation R1.23

I IIIIIII IIIII IIIIIIIIIIIIIIII II IIII IIIII IIIIIIIIIII

I IIIIII’s tau correlation

Page 150: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Univariate technique

Metric DataNonmetric Data

Page 151: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Metric Data

One sample– t-test– Z test

Two or more sample– Independent - Related

Two groups t test - Paired t test

Z test One way ANOVA

Page 152: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Nonmetric Data

One sample Two or more sample– Frequency - Independent– Chi-square

- Chi-square– K-S - Mann-Whitney– Runs - K-S– Binomial - K-W ANOVA

- Related - Sign - Wilcoxon

- McNemar - Chi-square

Page 153: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Multivariate techniques

Dependent techniques

Interdependent techniques

Page 154: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Dependent techniques

- One dependent variable - More than one Dependent Variable

- Cross Tabulation (More than two variable)

- Multivariate Analysis of Variance

- Analysis of Variance and Covariance and Covariance

- Multiple regression - Canonical Correlation

- Two-Group Discriminant Analysis - Multiple Discriminant Analysis

- Conjoint Analysis

Page 155: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Interdependent techniques

Variable Interdependent– Factor

Analysis

Interobject Similarity– Cluster

Analysis– Multidimensi

onal Scaling

Page 156: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 5 สร%ป รายงานผลและข้�อเสนอแนะ

ภาค์ผนวิกบีรรณาน%กรม

Page 157: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

องค์"ประกอบีข้องงานวิ�จั ยที่��ด�น กวิ�จั ยจัะตี�อง1. ม�ค์วิามร��ในเร,�องน 3น ๆ2. ม�ค์วิามสามารถุในการระบี%ป*ญหาได�แม�นย�า3. ม�ค์วิามร��ในระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย4. ม�ค์วิามร��ในเร,�องสถุ�ตี�เพิ,�อการที่ดสอบี

Page 158: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ที่�ศที่างการวิ�จั ยในอนาค์ตี

* บี�รณาการ ช%ดโค์รงการวิ�จั ย * Action - Research

* Area - Base* ม�ส�วินร�วิม

Page 159: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�างระด บีชาตี�* ย%ที่ธีศาสตีร"การเสร�มสร�างการพิ ฒนาที่��ย �งย,นข้องประเที่ศ* ย%ที่ธีศาสตีร"การพิ ฒนาส งค์ม* ย%ที่ธีศาสตีร"ค์วิามม �นค์ง การตี�างประเที่ศและการอ�านวิย ค์วิามย%ตี�ธีรรม* ย%ที่ธีศาสตีร"การบีร�หารจั ดการประเที่ศ

Page 160: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

* ธี%รก�จัข้นาดกลางและข้นาดเล)ก * OTOP

* พิ ฒนาค์ม* ช%มชนส%ข้ภาพิ* พิล งงาน* การใช�ที่��ด�น* น�3า* ที่�านายผลผล�ตีการเกษตีร* ศ�ลปวิ ฒนธีรรมและการที่�องเที่��ยวิ* ภ ยพิ�บี ตี�

ระด บี มข้.

Page 161: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

จัรรยาบีรรณน กวิ�จั ย 1. 1. ซึ่,�อส ตีย" ม�ค์%ณธีรรมซึ่,�อส ตีย" ม�ค์%ณธีรรม

2. 2. พิ นธีะกรณ� ในการที่�าพิ นธีะกรณ� ในการที่�าวิ�จั ยวิ�จั ย

3. 3. ม�พิ,3นฐานค์วิามร��ม�พิ,3นฐานค์วิามร��

4. 4. ร บีผ�ดชอบีตี�อส��งที่��ร บีผ�ดชอบีตี�อส��งที่��ศ6กษาวิ�จั ยศ6กษาวิ�จั ย

5. 5. เค์ารพิศ กด"ศร�และเค์ารพิศ กด"ศร�และส�ที่ธี�ข้องมน%ษย"ส�ที่ธี�ข้องมน%ษย"

6. 6. อ�สระที่างค์วิามค์�ด อ�สระที่างค์วิามค์�ด ปราศจัากอค์ตี�ปราศจัากอค์ตี�

Page 162: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. น�าผลงานวิ�จั ยไปใช�ในที่างที่��ชอบี8. เค์ารพิค์วิามค์�ดเห)นที่างวิ�ชาการข้องผ��อ,�น9. ม�ค์วิามร บีผ�ดชอบีตี�อส งค์มที่%กระด บี

จัรรยาบีรรณน กวิ�จั ย (ตี�อ)

Page 163: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภ�ม� 1 : ค์วิามส มพิ นธี"ค์วิามร��เด�ม ป*ญหาข้�อเที่)จัจัร�ง และค์วิามร��ใหม�

ค์วิามร��เด�ม

ค์วิามร��ใหม� ป*ญหา

ข้�อเที่)จัจัร�ง

ค์วิามส มพิ นธี"

Page 164: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีารางที่�� 1 การแบี�งประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามเกณฑ์"ตี�าง ๆแบี�งตีาม

ล กษณะข้องข้�อม�ล

แบี�งตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการ

วิ�จั ย

แบี�งตีามศาสตีร"ที่��เก��ยวิข้�อง

แบี�งตีามการค์วิบีค์%มตี วิแปร

แบี�งตีามเวิลา แบี�งตีามระเบี�ยบีวิ�ธี�

วิ�จั ย- กำ�รว�จั�ยเช้�ง

ปร�ม�ณ์- กำ�รว�จั�ยเช้�ง

ค�ณ์ภิ�พ* Mixed - Method

- กำ�รว�จั�ยม!ลฐ�นหร,อกำ�รว�จั�ยบร�ส�ทธี�:

- กำ�รว�จั�ยประย�กำตั"

- กำ�รว�จั�ยเช้�งปฏ�บ�ตั�

- กำ�รว�จั�ยเฉพ�ะศึ�สตัร"

- กำ�รว�จั�ยสหว�ทย�กำ�ร

- กำ�รว�จั�ยในห องปฏ�บ�ตั�กำ�ร

- กำ��รว�จั�ยสน�ม

- กำ�รว�จั�ยเอกำส�ร

- กำ�รศึ1กำษ�เฉพ�ะกำรณ์�

- กำ�รว�จั�ยเช้�งปฏ�บ�ตั�กำ�ร

- กำ�รว�จั�ยภิ�คตั�ดข้ว�ง

- กำ�รว�จั�ยระยะเวล�หร,อ

- กำ�รว�จั�ยเช้�งประว�ตั�ศึ�สตัร"

- กำ��รว�จั�ยเช้�งป-จัจั�บ�น

- กำ�รว�จั�ยอน�คตั

- กำ�รว�จั�ยเช้�งว�เคร�ะห"

- กำ�รว�จั�ยเช้�งบรรย�ย

- กำ��ร�จั�ยเช้�งทดลอง

Page 165: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ตี วิแปร (Variable)

ตี วิแปร- ส��งที่��สนใจัที่��โดยที่ �วิ ๆ ไปแล�วิสามารถุแปรค์�าได�ตี�าง ๆ ก น เช�น เพิศ,อาย%, น�3าหน ก, ส�วินส�ง, รายได� ฯลฯ

ตี วิแปรอ�สระ(Independent )

ตี วิแปรตีามDependent

ตี วิแปรแที่รกซึ่�อน(Extraneous)

ตี วิแปรสอดแที่รก(Intervening)

Page 166: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. ล กษณะข้องตี วิแปร

ตี วิแปรเช�งค์%ณล กษณะ(Qualitative)

ตี วิแปรไม�ตี�อเน,�อง(Discreate)

ตี วิแปรเช�งปร�มาณ

(Quantitative)

ตี วิแปรตี�อเน,�อง

(Continuous)

ล กษณะล กษณะ ปร�มาณปร�มาณ

Page 167: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. มาตีรวิ ด ตี วิแปร (Measuvenent)

- นามบี ญญ ตี� (Norminal Scales)- เร�ยงอ นด บี (Ordinal Scales)- มาตีราส�วิน (Interval Scales)- อ ตีราส�วิน (Ration Scales)

กล%�ม,พิวิกมาก > น�อย

หน�วิยวิ ดเที่�าก น ,ม�ศ�นย"เที่�ยมม�ศ�นย"แที่�

Page 168: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. เค์ร,�องม,อวิ ดค์�าข้องตี วิแปร เค์ร,�องม,อวิ�จั ย

- แบีบีที่ดสอบี- แบีบีมาตีราส�วินประมาณค์�า- แบีบีสอบีถุาม- แบีบีส งเกตี - แบีบีส มภาษณ"- ฯลฯ

ข้�อม�ลตี วิแปร

เค์ร,�องม,อวิ ด

Page 169: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณภาพิข้องข้�อม�ล1. การค์วิบีค์%มค์%ณภาพิข้องข้�อม�ลจัากการปฏิ�บี ตี�งานสนาม

1. การวิางแผน การที่ดสอบีเค์ร,�องม,อ - แบีบีสอบีถุาม - แบีบีส มภาษณ" การเก)บีข้�อม�ลเช�งค์%ณภาพิ Case Study

ภาษาล�าด บีข้�อค์วิามที่ดลองใช�เวิลาที่��ใช�

2. ช�วิงเวิลาที่��ส�ารวิจั- เวิลาที่��อ�างอ�ง

- เวิลาที่��เหมะสมในการเก)บีข้�อม�ล- ค์วิามสะดวิกในการเด�นที่างค์�าใช�จั�าย

Page 170: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. การเตีร�ยมอ%ปกรณ"* บี ตีรประจั�าตี วิ* แบีบีสอบีถุาม/ส มภาษณ"* ค์��ม,อปฏิ�บี ตี�งาน* แฟั�ม/ถุ%งพิลาสตี�ก/ร�ม* แผนที่�� + รถุยนตี"

ปากกา/ด�นสอ

ข้องตีอบีแที่น ?

4. การประสานงานก บีบี%ค์ค์ลในเข้ตีส�ารวิจั * ก�าน น/ผ��ใหญ�บี�าน/อบีตี . ฯลฯ > ผ��วิ�า “CEO” * เบีอร"โที่รศ พิที่" [ปกตี� + ฉ%กเฉ�น]

* จั%ดน ดหมาย เวิลา/สถุานที่��

Page 171: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. บีที่บีาที่และค์%ณสมบี ตี�ผ��ปฏิ�บี ตี�งานสนาม1. บีที่บีาที่

* อธี�บีายให�ผ��ตีอบีเห)นค์วิามส�าค์ ญ และประโยชน"ข้องงานวิ�จั ย* ถุามค์�าถุามให�ผ��ตีอบีเข้�าใจั ตีอบีวิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ผ��วิ�จั ยตี�องการ* ตี�องเก)บีข้�อม�ลด�วิยค์วิามซึ่,�อส ตีย" ไม�ล�าเอ�ยง (ไม�สร�างข้�อม�ลเที่)จั)* ส งเกตีพิฤตี�กรรม และสภาพิแวิดล�อม

Page 172: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์%ณสมบี ตี�* ค์วิามร��/ประสบีการณ"* ค์วิามตี 3งใจั/อดที่น/ซึ่,�อส ตีย"/ร บีผ�ดชอบี* บี%ค์ล�กภาพิ/ที่ ศนค์ตี�

เห)นประโยชน"และค์วิามส�าค์ ญข้องข้�อม�ลจัร�ง3. การฝึEกอบีรมผ��ปฏิ�บี ตี�งานสนาม

* หล กส�ตีรการฝึEกอบีรม ( วิ ตีถุ%ประสงค์" กตี�กา ฯ )* วิ�ธี�การฝึEกอบีรม บีรรยาย/ส มมนา/ฝึEกปฏิ�บี ตี�ฯ* หล กการส มภาษณ" ที่ดลองปฏิ�บี ตี�

ค์รบีถุ�วิน ? ถุ�กตี�อง ? เช,�อถุ,อได� ?ก�อน ส มภาษณ" หล ง

Page 173: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. การส มภาษณ"/วิ�ธี�ปฏิ�บี ตี�ตี�อผ��ให�ส มภาษณ"1. สร�างค์วิามเป7นม�ตีร เป7นก นเอง2. บีอกวิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการส มภาษณ"3. “ ”ให�ค์วิามม �นใจัวิ�า ข้�อม�ลส�วินตี วิเป7นค์วิามล บี4. แสดงค์วิามสนใจัค์�าพิ�ด ค์�าตีอบี อย�างจัร�งจั ง5. ถุ�าส มภาษณ"ตีามแบีบี/ โค์รงสร�าง ค์วิรเร�ยงตีามแบีบี ไม�ม�แบีบี/ กรอบี ค์วิรสอดค์ล�องตี�อเน,�อง6. อย�าตี 3งค์�าถุามนอกเร,�องโดยไม�จั�าเป7น7. ระม ดระวิ งในการตี 3งค์�าถุาม

- ค์วิามเร�ยบีง�ายข้องถุ�อยค์�า- ค์�าถุามน�า/ ……ช กจั�ง .(ตีอบีตีามใจัผ��ส มภาษณ")

Page 174: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

8. ค์วิรใช�การส งเกตี% ม�ไหวิพิร�บี ระหวิ�างส มภาษณ"9. อย�าใช�ตี วิย�อ/ ส ญล กษณ" บี นที่6กค์�าตีอบี10. ข้อบีค์%ณผ��ตีอบีส มภาษณ"และกล�าวิอ�าลา

ค์วิามผ�ดพิลาดข้องน กวิ�จั ย

- ข้าดประสบีการณ" ม,อใหม�- เตีร�ยมตี วิไม�มากพิอ- สถุานการณ"แวิดล�อมค์%กค์าม

3. การส มภาษณ"/ วิ�ธี�ปฏิ�บี ตี�ตี�อผ��ให�ส มภาษณ" (ตี�อ)

“ RESEARCHER ”

Page 175: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณข้องน กวิ�จั ยที่��ด� 1. ค์%ณล กษณะด�านอารมณ"และค์วิามร��ส6ก (Emotion)

1.1 ม�ค์วิามสนใจั อยากร�� อยากเห)น ตีลอดเวิลา1.2 ม�ที่ ศนค์ตี�ที่��ด�ตี�อการแสวิงหาค์วิามร�� หร,อการวิ�จั ย1.3 ม�ค์วิามร�� และสน%กในการที่�างาน1.4 ม�จั�ตีใจัด� ประสานงานก บีผ��อ,�นได�1.5 ม�ค์วิามกระตี,อร,อร�นในการที่�างานวิ�จั ย 2 . ค์%ณล กษณะด�านค์วิามร�� (Knowledge)

2.1 ม�ค์วิามร��ค์วิามสามารถุในการวิ�เค์ราะห"2.2 ที่�างานอย�างม�ระบีบี ตีามแผนงานที่��วิางไวิ�2.3 ม�ค์วิามร��ในระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย วิ�ธี�การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล โดยเฉพิาะวิ�ธี� การที่างสถุ�ตี� และเค์ร,�องม,อสน บีสน%นการวิ�จั ย2.4 ม�ค์วิามร��ค์วิามสามารถุในการส งเค์ราะห"และสร%ปผล

Page 176: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณข้องน กวิ�จั ยที่��ด� (ตี�อ)

3 . ค์%ณล กษณะด�านการตี ดส�นใจั (Decision)3.1 กล�าค์�ด กล�าตี ดส�นใจั3.2 ม�ค์วิามรอบีค์อบี ตี ดส�นใจัด�วิยเหตี%ผล3.3 เป7นค์นม�เหตี%ผล3.4 ม�ค์วิามสามารถุในการค์วิบีค์%มตีนเองให�กระที่�าตีามหล กวิ�ชาและแผน ที่��วิางไวิ�3.5 ม�ค์วิามสามารถุในการประเม�นส��งตี�าง ๆ ได�ถุ�กตี�อง

4. ฝึEกฝึนตีนเองให�เป7นค์นช�างส งเกตี จัดจั�าส��งตี�าง ๆ ได�อย�างแม�นย�า5. ฝึEกฝึนตีนเองให�ยอมร บีค์วิามจัร�งและค์วิามค์�ดเห)นข้องผ��อ,�น

Page 177: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย (Research Methodology) จัะเป7นการน�าเอาวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" มาประย%กตี"ใช�ก บีการศ6กษาข้�อเที่)จัจัร�งในเร,�องหน6�งเร,�องใด โดยม�ข้ 3นตีอนพิ,3นฐานส�าค์ ญ ด งน�3

1. การก�าหนดประเด)นป*ญหา (Statement of the Problem)

2. การที่บีที่วินวิรรณกรรม (Review of Literature)

3 . การก�าหนดวิ ตีถุ%ประสงค์"และกรอบีแนวิค์�ด (Conceptual Framework)

4 . การออกแบีบีวิ�จั ย (Research Design) 5 . การก�าหนดประชากรและการเล,อกตี วิอย�าง

(Target Population and Samples) 6 . การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล (Data Collection) 7 . การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล (Data Analysis) 8 . การน�าเสนอและการเข้�ยนรายงาน

(Reporting) 9 . การวิางแผนและการค์วิบีค์%มงานวิ�จั ย

(Research Planning and Controling)

Page 178: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภ�ม� 2 : ร�ปแบีบีการเข้�ยนวิ ตีถุ%ประสงค์"งานวิ�จั ยที่างด�านส งค์มศาสตีร"

• ศึ1กำษ�…• ว�เคร�ะห"…• เปร�ยบเท�ยบ…• เข้ �ใจัถ1ง...

• พฤตั�กำรรม• ผลกำระทบ• ป-ญห�• คว�มร! • ท�ศึนคตั�• ค��น�ยม• ข้ อเท�จัจัร�ง• คว�มส�มพ�นธี"

• เพ,*อ …….

Page 179: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : โค์รงการวิ�จั ยเร,�อง : “พิฤตี�กรรมการร บีข้�าวิสารข้องเยาวิชนเก��ยวิก บี การรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"”

วิ ตีถุ%ประสงค์"

1. เพิ,�อศ6กษาถุ6งพิฤตี�กรรมการร บีข้�าวิสารการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"ข้องเยาวิชน2. เพิ,�อศ6กษาถุ6งส,�อที่��เข้�าถุ6งเยาวิชนในการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"บี�อยค์ร 3งที่��ส%ด3. เพิ,�อศ6กษาค์วิามร�� ที่ ศนค์ตี�ข้องเยาวิชนในการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"

Page 180: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : บี ตีรแข้)งบี นที่6กข้�อม�ล Memo Card ข้นาด 5”x 8” หร,อ 4” x 6”

ด�านหน�า ด�านหล งเลข้ที่��……..

ช,�อ - นามสก%ล/หน�วิยงาน………………………….ช,�อ/ประเภที่หน งส,อ……………………………….ห วิข้�อเร,�อง……….. ……………………………….หมายเลข้หน�า ……………………………………..หน�วิยงาน/สถุานที่��พิ�มพิ" …………………………..ปBที่��พิ�มพิ" ……… ……เล�มที่�� ..ค์ร 3งที่��พิ�มพิ"………….เลข้ที่��หม��หน งส,อ …………………………………..สถุานที่��เก)บีข้�อม�ล ………………………………….วิ นเด,อนปBที่��บี นที่6ก …………………………………หมายเหตี%…………………………………………..

สารส�าค์ ญ……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..

Review Literature

Page 181: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : ตี วิแปรและการร�างแบีบีสอบีถุาม “โค์รงการวิ�จั ยเร,�อง ที่ ศนค์ตี�ข้องผ��บีร�โภค์ในเข้ตีจั งหวิ ดข้อนแก�นที่��ม�ตี�อ

”ยาสม%นไพิรที่��ผล�ตีภายในประเที่ศ

1 . เพิศ (SEX) 2. อาย% (AGE) 3. อาช�พิ (OCCUPATION) 4. สถุานภาพิสมรส (MARITAL STATUS) 5. ค์%ณวิ%ฒ�ที่างการศ6กษา (DEGREE) 6. เง�นเด,อน (SALARY) 7. จั�านวินค์นในค์รอบีค์ร วิ (Number of Family)

1. ค์�าถุามเก��ยวิก บี ข้�อม�ลส�วินตี วิ

Page 182: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : ตี วิแปรและการรางแบีบีสอบีถุาม (ตี�อ)8. เหตี%ที่��ใช�9. ย��ห�อข้องสม%นไพิรที่��ผล�ตีในประเที่ศ10. ผ��ใช�11. ผ��ซึ่,3อ12. ค์วิามเหมาะสม15. ส��งที่��ตี�องการให�ม�16. ผลตี�อส��งแวิดล�อม

17. ป*จัจั ยที่��ตี ดส�นใจัซึ่,3อ21. น�ยมใช�ตีามเพิ,�อน22. ข้�อที่��ค์วิรแก�ไข้และปร บีปร%ง23. เม,�อเปร�ยบีเที่�ยบีก บีสม%นไพิรตี�างประเที่ศ

2. ค์�าถุามเก��ยวิก บี ที่ ศนค์ตี�

12. ราค์า13. ข้นาด14. ภาชนะบีรรจั%ภ ณฑ์"

17. ย��ห�อ18. ค์%ณภาพิ19. ราค์า20. สะดวิก

Page 183: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีาราง แผนงานการวิ�จั ย : การบีร�หารเวิลาเข้�ยนในร�ป Gantt Chart

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12

1. ศ6กษาเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง2. สร�างเค์ร,�องม,อ3. ที่ดลองใช�และปร บีปร%งเค์ร,�องม,อ4. รวิบีรวิมข้�อม�ล5. ประมวิลผลและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล6. แปลผลและเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย7. พิ�มพิ"รายงานการวิ�จั ย

ก�จักรรมและข้ 3นตีอนการด�าเน�นการวิ�จั ย ( )ระยะเวิลา เด,อน

Page 184: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่สร%ป : การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย

1. การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย เป7นข้ 3นตีอนที่��ผ��วิ�จั ยด�าเน�นการภายหล งจัากการ วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลและแปลผลเร�ยบีร�อยแล�วิ ถุ,อวิ�าเป7นข้ 3นตีอนที่��ม�ค์วิามส�าค์ ญ อ�กข้ 3นตีอนหน6�ง เพิราะวิ�าเป7นข้ 3นตีอนที่��ผ��วิ�จั ยจัะได�เสนอข้�อค์�นพิบีที่��ส�าค์ ญ จัากการวิ�จั ย เผยแพิร�ไปย งผ��ใช�ผลการวิ�จั ย หร,อสาธีารณชน โดยเฉพิาะ อย�างย��งแหล�งที่��ให�การสน บีสน%นการวิ�จั ยน 3น ๆ

2. ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ส�วินใหญ�จัะม�องค์"ประกอบี 3 ส�วิน ได�แก� 2.1) ส�วินน�า เป7นส�วินที่��ประกอบีด�วิย ปกนอก ใบีรองปก หน�าช,�อเร,�อง บีที่ค์ ดย�อ ก�ตีตี�กรรมประกาศ สารบี ญ สารบี ญตีาราง และสารบี ญภาพิ

Page 185: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

1) บีที่น�า2) เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง3) วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย4) ผลการวิ�จั ย5) สร%ปผลการวิ�จั ย อภ�ปรายผล และข้�อเสนอแนะ

2.3) ส�วินอ�างอ�ง เป7นส�วินที่��ประกอบีด�วิยบีรรณาน%กรม ภาค์ผนวิก และประวิ ตี�ผ��วิ�จั ย

3. วิ�ธี�การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยในแตี�ละองค์"ประกอบี หร,อแตี�ละส�วินที่ 3ง 3 ส�วิน ด งกล�าวิข้�างตี�น ม�หล กเกณฑ์"และวิ�ธี�การเข้�ยนที่��ม�ล กษณะเฉพิาะ แตี�อย�างไรก) ตีาม หล กเกณฑ์"และวิ�ธี�การเข้�ยนด งกล�าวิ บีางองค์"กรหร,อสถุาบี นอาจัม�แนวิ ปฏิ�บี ตี�ข้องตีนเอง เพิ,�อให�ผ��วิ�จั ยใช�เป7นหล กในการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ให�เป7น ไปในแนวิเด�ยวิก น

2.2) ส�วินเน,3อเร,�อง เป7นส�วินที่��ส�าค์ ญแบี�งออกเป7นบีที่ ๆ จัะเป7นก��บีที่ก)ได� แตี�ใน การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ส�วินใหญ�จัะแบี�งออกเป7น 5 บีที่ ได�แก�

Page 186: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

4. ข้�อค์วิรระวิ งและค์วิรปฏิ�บี ตี�ในการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ที่��ผ��วิ�จั ยพิ6งตีระหน ก เพิ,�อให�รายงานการวิ�จั ยน 3นม�ค์วิามสมบี�รณ" สร%ปได�ด งน�3 1) ม�ค์วิามตีรงประเด)น โดยม%�งตีอบีป*ญหาการวิ�จั ยเที่�าน 3น 2) ม�ค์วิามถุ�กตี�องไม�บี�ดเบี,อนไปจัากข้�อเที่)จัจัร�งที่��ค์�นพิบี 3) ม�ค์วิามช ดเจันในการส,�อค์วิามหมายไม�ค์ล%มเค์ร,อวิกวิน 4) ม�ค์วิามส�ารวิมข้องผ��วิ�จั ยเอง โดยไม�ยกย�องตีนเอง 5) ม�ค์วิามสอดค์ล�องในการเข้�ยนที่%กบีที่ที่%กตีอนให�เป7นอ นหน6�งอ นเด�ยวิก น 6) ม�ค์วิามสม��าเสมอค์งเส�นค์งวิาในการใช�ถุ�อยค์�าหร,อข้�อค์วิามใด ๆ 7) ม�ค์วิามส�าค์ ญก�อนหล งข้องส��งที่��ค์�นพิบีโดยล�าด บีวิ�าส��งที่��ส�าค์ ญที่��ส%ดอย��ใน อ นด บีแรกเพิ,�อไม�ให�เก�ดค์วิามส บีสน 8) ม�จัรรยาบีรรณข้องน กวิ�จั ยโดยย6ดม �น ซึ่,�อส ตีย"ตี�อส��งที่��ตีนศ6กษา

Page 187: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย รายงานการวิ�จั ยโดยที่ �วิไปไม�วิ�าจัะเป7นรายงานการวิ�จั ยในสาข้าใด ๆ จัะม�ร�ปแบีบีหร,อโค์รงสร�างที่��หลากหลายและแตีกตี�างก น ที่ 3งน�3ข้63นอย��ก บีแนวิปฏิ�บี ตี�ข้องสถุาบี น องค์"กรหร,อหน�วิยงานที่��ก�าหนดไวิ�ให�ผ��วิ�จั ยปฏิ�บี ตี�ตีาม แตี�หากพิ�จัารณาโดยรวิมแล�วิส�วินใหญ�จัะม�ร�ปแบีบีและโค์รงสร�างที่��ประกอบีด�วิย 3 ส�วิน ได�แก�

1) ส�วินน�า 2) ส�วินเน,3อเร,�อง 3) ส�วินอ�างอ�ง (พิวิงร ตีน" ที่วิ�ร ตีน" 2538, : - 195196) ส�าหร บีรายละเอ�ยดข้องแตี�ละส�วินด งน�3

1. ส�วินน�า (Preliminary Section) ประกอบีด�วิย 1) ปกนอก 6) สารบี ญ

2) ใบีรองปก 7) สารบี ญตีาราง 3) หน�าช,�อเร,�อง 8) สารบี ญภาพิประกอบี 4) บีที่ค์ ดย�อ 5) ก�ตีตี�กรรมประกาศ

Page 188: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

2. ส�วินเน,3อเร,�อง (The Body of the Report)

ส�วินเน,3อเร,�องในรายงานการวิ�จั ยประกอบีด�วิยเน,3อเร,�องที่��ผ��วิ�จั ยแบี�งออกเป7น บีที่ ๆ จั�านวินบีที่จัะไม�แน�นอนข้63นอย��ก บีปร�มาณข้องเน,3อเร,�องและวิ�ธี�การวิ�จั ย

ส�าหร บีรายงานการวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร"โดยที่ �วิไปน�ยมแบี�งบีที่ตี�าง ๆ ออกเป7น5 บีที่ ด งน�3บีที่ที่�� 1 บีที่น�า (Introduction) ประกอบีด�วิย

1) ค์วิามเป7นมาและค์วิามส�าค์ ญข้องป*ญหา 6) ข้�อจั�าก ดข้องการวิ�จั ย 2) วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการวิ�จั ย 7) น�ยามศ พิที่"เฉพิาะ 3) สมมตี�ฐานในการวิ�จั ย 8) ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี 4) ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย 5) ข้�อตีกลงเบี,3องตี�น

Page 189: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

บีที่ที่�� 2 เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง (Review of Related Literature)ประกอบีด�วิย

1) ค์วิามหมายข้องค์�าที่��เป7นค์�าหล ก (key Word ) ข้องเร,�อง 2) แนวิค์�ดและที่ฤษฎี�ที่��เก��ยวิข้�อง 3) ผลการวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย ประกอบีด�วิย1) ประชากรและกล%�มตี วิอย�าง2) เค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย3) การรวิบีรวิมข้�อม�ล4) การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 190: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

บีที่ที่�� 4 ผลการวิ�จั ย ประกอบีด�วิย1) ล กษณะที่ �วิไปข้องกล%�มตี วิอย�าง2) ผลการวิ�จั ยตีามวิ ตีถุ%ประสงค์" ( เร�ยงล�าด บีจัากข้�อ 1 ไป ในส�วินน�3อาจัม�ตีาราง และแผนภ�ม�ตี�าง ๆ ประกอบี)

บีที่ที่�� 5 สร%ปผลการวิ�จั ย อภ�ปรายผล และข้�อเสนอแนะ ในบีที่ที่�� 5 น�3จัะกล�างถุ6ง ตีามประเด)นที่ 3ง 3 ข้องบีที่ตีามล�าด บี ค์,อ1) สร%ปผลการวิ�จั ย2) อภ�ปรายผล3) ข้�อเสนอแนะ

Page 191: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

3. ส�วินอ�างอ�ง (Reference Section) 1) บีรรณาน%กรม (Bibliography) 2) ภาค์ผนวิก (Appendix) 3) ประวิ ตี�ผ��วิ�จั ย

วิ�จัย� ปญญาน� พิล�การวิ�จั ยเป7นพิล งแห�งป*ญญา

Page 192: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การตี 3งสมมตี�ฐานSetting

Hypothesis การตี 3งสมมตี�ฐานแบี�งเป7น 2 ประเภที่ใหญ�ๆค์,อ

1. สมมตี�ฐานที่างวิ�จั ย ( research hypothesis ) หร,อสมมตี�ฐานที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"( scientific hypothesis )

2. สมมตี�ฐานที่างสถุ�ตี� ( statistical hypothesis )

Page 193: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างวิ�จั ย ( research hypothesis )

ค,อกำ�รค นค��ตัอบเพ,*อตัอบป-ญห�หร,อค�ดคะเน ค��ตัอบ โดยอ�จัม�

พ,+นฐ�นหร,อหล�กำกำ�รเกำ�*ยวกำ�บทฤษฎี�ท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บ ป-ญห�น�+น

กำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ยควรม�หล�กำกำ�ร หร,อเหตั�ผลท�*เหม�ะสม

โดยอ�ศึ�ยพ,+นฐ�นม�จั�กำผลง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บห�ว เร,*องท��กำ�รว�จั�ย

โดยกำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ยจั��เป4นตั องกำล��วน��ข้1+นม�กำ�อนท�*จัะ

ตั�+งสมมตั�ฐ�น ไม�ควรตั�+งสมมตั�ฐ�นข้1+นม�ลอยๆโดยไม�ม�ทฤษฎี�อ �งอ�ง

Page 194: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ล กษณะการตี 3งสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยที่��ด�ค์วิรม�ด งน�3

1. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นควรม�คว�มช้�ดเจันและเฉพ�ะเจั�ะจัง2. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นตั องเป4นส�*งท�*ทดสอบได

3. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นไม�ควรเป4นส�*งท�*ม�ข้อบเข้ตักำว �งจันเกำ�นไป4. สมมตั�ฐ�นควรตั�+งให สอดคล องกำ�บคว�มจัร�งท�*ปร�กำฏอย!�ในป-จัจั�บ�น ในเร,*องท�*จัะศึ1กำษ�

5. ภิ�ษ�ท�*ใช้ ตั�+งสมมตั�ฐ�นควรเป4นค��พ!ดท�*ง��ย ๆ เพ,*อให คว�มหม�ยช้�ดเจัน

Page 195: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประโยชน"ข้องการตี 3งสมมตี�ฐานสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยม�ประโยชน"ด งน�3

1. ช้�วยให ผ! ว�จั�ยส�ม�รถเล,อกำตั�วแปรท�*ตั องกำ�รศึ1กำษ�ว��ม�ตั�วแปรอะไรบ �ง2. ช้�วยให ผ! ว�จั�ยเล,อกำข้ อม!ลท�*น��ม�ศึ1กำษ�ได ถ!กำตั องตัรงประเด�น

3 . ช้�วยจั��กำ�ดข้อบเข้ตักำ�รว�จั�ยและท��ให ป-ญห�ในกำ�รว�จั�ยช้�ดเจันข้1+น4. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยร! ว��ควรใช้ แบบกำ�รว�จั�ย (research design ) แบบใดจั1งจัะเหม�ะสมกำ�บป-ญห�ท�*ผ! ว�จั�ยตั องกำ�รศึ1กำษ�

5. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��ควรใช้ กำล��มตั�วอย��งอย��งไร

Page 196: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��จัะเกำ�บรวบรวมข้ อ ม!ลอย��งไร7.ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��จัะใช้ สถ�ตั�อะไรทดสอบสมมตั�ฐ�น

8.ช้�วยกำ��หนดข้อบเข้ตัในกำ�รแปรคว�มหม�ยข้องผลง�นกำ�รว�จั�ย ว��ควรสร�ปออกำม�ในร!ปแบบใด

ล กษณะการตี 3งสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยที่��ด� (ตี�อ)

อย��งไรกำ�ตั�ม สมมตั�ฐ�นข้องกำ�รว�จั�ยแม ว��จัะม�ประโยช้น"ตั�อกำ�รว�จั�ย แตั�กำ�ไม�จั��เป4นตั องม�กำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยท�กำเร,*อง

Page 197: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างสถุ�ตี�(Statistical hypothesis)

หม�ยถ1งข้ อคว�มท�*เกำ�ยวข้ องกำ�บพ�ร�ม�เตัอร"ท�*ย�งไม�ทร�บค�� ซึ่1*งสมมตั�ฐ�นท�งสถ�ตั�น�+นประกำอบด วย 2 ส�วน ค,อ1. สมมตั�ฐ�นศึ!นย"(Null hypothesis) สมมตั�ฐ�นท�*ระบ�คว�มไม�แตักำตั��ง ข้องค��พ�ร�ม�เตัอร" “ ”จัะม�เคร,*องหม�ยเท��กำ�นปร�กำฏเสมอ

ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ แทนสมมตั�ฐ�นศึ!นย"ค,อ0H

เช้�น 20:0 H หม�ยถ1งค��เฉล�*ยข้องกำล��มประช้�กำรม�ค��เท��กำ�บ 20210 : H หม�ยถ1งค��เฉล�*ยข้องกำล��มประช้�กำรกำล��มท�* 1

ม�ค��เท��กำ�บค��เฉล�*ยช้องประช้�กำรกำล��มท�* 2

Page 198: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. สมมตั�ฐ�นเล,อกำ (alternative hypothesis) หม�ยถ1ง สมมตั�ฐ�นท�*ระบ�ถ1ง ค��พ�ร�ม�เตัอร"ในล�กำษณ์ะท�*เป4นส�วนประกำอบข้องสมมตั�ฐ�นศึ!นย" ว�� ถ �สมมตั�ฐ�นศึ!นย"ไม�ถ!กำตั อง ส�*งท�*ควรเป4นค,อข้ อใด

ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ แทนค,อ1Hกำ. สมมตั�ฐ�นเล,อกำแบบไม�ม�ท�ศึท�ง(non directional alternative hypothesis)

เช้�น79:

79:

1

0

H

H

จั�กำกำ�รกำ��หนด ค�� อ�จัม�กำกำว�� 79 หร,อ น อยกำว�� 79 กำ�ได ด�งน�+นกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นล�กำษณ์ะน�+จั1งเป4น

กำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบสองฐ�น (Two-tailed test)

79:1 H

Page 199: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภิ�พท�* 1 แสดงกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบสองท�ง

Page 200: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้. สมมตั�ฐ�นเล,อกำแบบม�ท�ศึท�ง (directional alternative hypothesis) ใช้ ในกำรณ์�ท�*ผ! ว�จั�ยม�คว�มค�ดค�อนข้ �งเฉพ�ะเจั�ะจัง และม�ท�ศึท�งแน�ช้�ดว��

ไปในท�ศึท�งใดเช้�น

79:

79:

1

0

H

Hสมมตั�ฐ�นค,อ

Page 201: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

79:

79:

1

0

H

Hสมมตั�ฐ�นค,อ

Page 202: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ศ พิที่"ที่��เก��ยวิข้�องก บีการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน1. คว�มม�น�ยส��ค�ญ(level of significance) ระด�บหร,อคว�มน��จัะเป4น ข้องคว�มเส�*ยงในกำ�รท�*จัะสร�ปผ�ดพล�ดบนพ,+นฐ�นข้องข้ อม!ลท�*ม�อย!� ส�ญล�กำษณ์"แทนระด�บคว�มม�น�ยส��ค�ญค,อ

2. บร�เวณ์ข้องกำ�รปฏ�เสธีสมมตั�ฐ�น(region of rejection)

3. บร�เวณ์ข้องกำ�รยอมร�บสมมตั�ฐ�น (region of acceptance)

4. ค��ว�กำฤตั(critical value)จั�ดแบ�งระหว��งบร�เวณ์ยอมร�บและปฏ�เสธี5. คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�* 1 (Type 1 error) ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ ค,อ

6. คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�* 2(type 2 error) ส�ญล�กำษณ์"ค,อ

7. กำ�รสร�ปผลกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�น

Page 203: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีารางที่�� 1 สร%ปการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน

( ) ถ!กำตั องหร,อเป4นจัร�ง ( )ผ�ดหร,อเป4นเท�จั

ปฏ�เสธี คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�*

1 ( type 1 error)

อ��น�จัข้องกำ�รทดสอบหร,อตั�ดส�นใจัถ!กำตั อง

ยอมร�บ ตั�ดส�นใจัถ!กำตั องหร,อข้ อ

สร�ปท�*ถ!กำตั อง 2 คว�มค�ดเดล,*อนท�*

(type 2 error)

สภิ�พตั�มคว�มจัร�ง

กำ�รตั�ดส�นใจั

Page 204: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สร%ปข้ 3นตีอนข้องการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน1. กำ��หนดศึ!นย"สมมตั�ฐ�นศึ!นย" (null

hypothesis ) และสมมตั�ฐ�นเล,อกำ(alternative hypothesis)2. เล,อกำใช้ ค��สถ�ตั�ท�*ถ!กำตั องและเหม�ะสมในกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�น

3. กำ��หนดค��ว�กำฤตั ผ! ว�จั�ยตั องกำ��หนดระด�บน�ยส��ค�ญ พ�จั�รณ์� ประกำอบค��สถ�ตั� ด�งน�+

Page 205: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กำ. ถ �ทดสอบแบบ 2 ท�ง โดยให ค��สถ�ตั� Z ท�*ระด�บน�ยส��ค�ญ .05 เช้�น

80:

80:

1

0

H

H

ระด�บน�ยส��ค�ญ 0.05 ด�งน�+นพ,+นท�*ใตั โค งปกำตั�ท�*จัะน��ไปห�ค��Z ค,อ 0.975 ค�� Z จั�กำตั�ร�ง ค,อ 1.96 ด�งน�+นค��ว�กำฤตัค,อ96.1

0.950.025 0.025-1.96 1.96

Page 206: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้. ถ �ทดสอบสมมตั�ฐ�นท�งเด�ยว โดยใช้ ค�� Z ท�*ระด�บน�ยส��ค�ญ 0.05

80:

80:

1

0

H

H

0.05

Z= 1.65

0.095

Page 207: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. กำ��หนดกำฎีกำ�รตั�ดส�นใจั อ�จัเป4นด�งน�+

5. ค��นวณ์ค��สถ�ตั�6. สร�ปผลกำ�รทดสอบ

4.1 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ในกำ�รค��นวณ์ม�กำกำว��ค��ว�กำฤตั ในกำรณ์� ท�*ทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบท�งข้ว�ม,อ

0H

4.2 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ท�*ค��นวณ์น อยกำว��ค��ว�กำฤตั ในกำรณ์�ท�* ทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบท�งเด�ยวซึ่ �ยม,อ

0H

4.3 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ท�*ค��นวณ์ม�กำกำว��ค��ว�กำฤตัท�*อย!�ท�งข้ว�ม,อ และน อยกำว��ค��ว�กำฤตัท�*อย!�ท�งซึ่ �ยม,อ

0H

0H

Page 208: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�างเร,*องเจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร"และกำ�รสน�บสน�นข้องผ! ปกำครองน�กำเร�ยนท�*ร �วมท��และไม�ร�วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

วิ ตีถุ%ประสงค์" เพ,*อเปร�ยบเท�ยบเจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร" และกำ�รสน�บสน�นข้องผ! ปกำครองตั�อกำ�รท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"ระหว��งน�กำเร�ยนช้�+นม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนปล�ยท�*ร �วมท��และไม�ร�วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

สมมตั�ฐ�นกำ�รทดลอง น�กำเร�ยนท�*ร �วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร" ม�เจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร"และได ร�บกำ�รสน�บสน�นจั�กำผ! ปกำครองตั�อกำ�รท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"แตักำตั��งจั�กำน�กำเร�ยนท�*ไม�ช้�วยท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

Page 209: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องการส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องประชาชน ประชาชน ((Poll)Poll)

Page 210: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องการส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องประชาชน ประชาชน ((Poll)Poll) 1 การส�ารวิจั Survey/poll

น บี,จัด,บี นที่6ก,รวิบีรวิม Survey Research/Sampling Survey2. ค์วิามค์�ดเห)น Opinion การร บีร��[Knowlege]• เร,�องอะไร ที่ ศนค์ตี� [Attitude] ค์วิามเช,�อ[Belief] พิฤตี�กรรม [Practice]3. ประชาชน Population/People Public• ประชากรที่��ศ6กษาประชากรที่��ศ6กษา//สาธีารณชนสาธีารณชน//มหาชนมหาชน• ตี วิอย�างตี วิอย�าง//ค์วิามเห)นตี วิแที่นค์วิามเห)นตี วิแที่น

ประชาชน ประชาชน (Sample)(Sample)

Page 211: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามหมายข้องโพิลPublic Opinion Polls

1. วิ�ธี�ในการสอบีถุามประชาชนอย�างเป7นระบีบีเพิ,�อ ศ6กษาค์วิามเห)นเก��ยวิก บีเร,�องหร,อประเด)น (issue) ซึ่6�งปกตี�ใช�ตี วิอย�างจัากประชากรที่��ศ6กษา

A Modern Dictionary A Modern Dictionary of Sociology (1969) of Sociology (1969) โดย โดย TheodorsonTheodorson

Page 212: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Public Opinion Poll

การส�ารวิจั (Surveys ) ซึ่6�งสอบีถุามค์วิามเห)นข้องสาธีารณชนเก��ยวิก บีเร,�องบีางเร,�อง

- The Practioc of Social Rescarch, 1986- Methods of Social Rescarch, 1987

Page 213: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

An Introduction

1977To Surveys, and Data Analyic,

Survey Research

เป7นเค์ร,�องม,อในการรวิบีรวิมข้�าวิสารตี�าง ๆ ที่��ได�จัากการส�ารวิจั(Survey Research) 3 ประเภที่

1. ค์วิามเห)น Opinions ตี 3งค์�าถุาม

2. ที่ ศนค์ตี� (Attitudes )ตี�อเร,�องน 3น

3. ข้�อเที่)จัจัร�ง (Facts ) เก��ยวิก บีบี%ค์ค์ลที่��ส มภาษณ"

Page 214: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โพิลเที่�ยม โพิลเที่�ยม ((Pseudo - Polls Straw Polls Junk PollsPseudo - Polls Straw Polls Junk Polls))

ค์วิามเป7นตี วิแที่น สร%ปส��ประชากรที่ 3งหมดไม�ได� (Representativeness)โที่รศ พิที่"/หน งส,อพิ�มพิ"/โที่รที่ ศน"/วิ�ที่ย% (Vote)จั%ดบีกพิร�อง

ค์�าถุามช�3ช�อง (Loadedquestions)การใช�ค์�าไม�เหมาะสม Unfair Questionsค์�าที่��ที่�าให�เข้�าใจัผ�ด (Misleading)

Page 215: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

มาตีรฐานในการรายงานผลโพิล NCPP (National Council on Poblic Poll)1. 1. ผ��ให�ที่%นสน บีสน%นการส�ารวิจัผ��ให�ที่%นสน บีสน%นการส�ารวิจั

2. 2. วิ นเด,อนปB ที่��ส มภาษณ" หร,อ ช�วิงส�ารวิจั วิ นเด,อนปB ที่��ส มภาษณ" หร,อ ช�วิงส�ารวิจั3. 3. วิ�ธี�การที่��จัะให�ได�มาซึ่6�งการส มภาษณ"อย�างไร เช�น วิ�ธี�การที่��จัะให�ได�มาซึ่6�งการส มภาษณ"อย�างไร เช�น ส มภาษณ"โที่รศ พิที่"ส มภาษณ"โที่รศ พิที่",,ไปรษณ�ย"ไปรษณ�ย", , อ�นเตีอร"เน)ตีอ�นเตีอร"เน)ตี

4. 4. ประชากรที่��ศ6กษาประชากรที่��ศ6กษา5. 5. ข้นาดตี วิอย�างจั�านวินแบีบีสอบีถุามที่��ส�งออกและตีอบีกล บีข้นาดตี วิอย�างจั�านวินแบีบีสอบีถุามที่��ส�งออกและตีอบีกล บี

6. 6. ข้นาดและการพิรรณากล%�มตี วิอย�างย�อยวิ�าค์�าตีอบีใด ข้นาดและการพิรรณากล%�มตี วิอย�างย�อยวิ�าค์�าตีอบีใด มาจัากกล%�มใจัมาจัากกล%�มใจั

7. 7. ค์�าถุามจัร�งที่��ใช�ถุามในเร,�องที่��รายงานค์�าถุามจัร�งที่��ใช�ถุามในเร,�องที่��รายงาน

Page 216: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โพิล Poll Media (ส,�อ)

People ประชาชน

9. 9. ระบี%อ ตีราค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนข้องการส%�ม ระบี%อ ตีราค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนข้องการส%�ม ((Sampling ErrorSampling Error)) และระด บีค์วิามเช,�อม 3น และระด บีค์วิามเช,�อม 3น ((Confidence IntervalConfidence Interval))

8. ร�อยละที่��ข้�อสร%ปเป7นฐาน

Page 217: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีResponsed Rate

RR = R x 100nโดยการส มภาษณ"

RR = 85 ค์�อยข้�างด�, ด� , ด�มาก70 - 84 ไม�เลวิ แตี�ไม�ด�น ก

50 - 69 ไม�ค์�อยด� โอกาสเก�ดอค์ตี�ได�50 ไม�ไหวิแน� ไม�ค์วิรวิ�เค์ราะห"ไม�ค์วิรรายงานผลโพิลโดยส มภาษณ" โพิลโดยส มภาษณ" RR 80%RR 80%

Page 218: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีกล บี โดยที่างไปรษณ�ย"อ ตีราการตีอบีกล บี โดยที่างไปรษณ�ย" Mail - ReponsedMail - Reponsed

50 50 เพิ�ยงพิอตี�อการวิ�เค์ราะห"เพิ�ยงพิอตี�อการวิ�เค์ราะห" 6060 ด�ด�

70 70 ด�มากด�มาก ** ** โพิลที่างไปรษณ�ย" ค์วิรม�อ ตีราการตีอบีร�อยละ โพิลที่างไปรษณ�ย" ค์วิรม�อ ตีราการตีอบีร�อยละ 5050

อ ตีราค์วิามส มบี�รณ"ข้องการตีอบีข้�อค์วิามบีางข้�อที่�� Sensitive ?? ไม�ตีอบี ไม�ออกค์วิามค์�ดเห)น

Page 219: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อค์วิามที่��ไม�ม�การตีอบี Non Response

อาจัจัะเป7นเร,�องที่��ไม�ม�ค์วิามเห)นจัร�ง ๆ ไม�ตีอบี ไม�ใช� ไม�แน�ใจั, ไม�ที่ราบี, ย งไม�ตี ดส�นใจั

ล,มบี นที่6ก (Mising data)จัะจั ดการอย�างไร

- รายงานโดยประมวิลผลวิ�าจั�านวิน (ร�อยละเที่�าไร�)- ถุ�าม�อ ตีราส�งเก�นร�อยละ 20 อาจัจัะม�ป*ญหาก บีผลการส�ารวิจั

Page 220: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีเน,3อหาค์รบีถุ�วินส มบี�รณ"อ ตีราการตีอบีเน,3อหาค์รบีถุ�วินส มบี�รณ" Completion Rate : CRCompletion Rate : CR

CR = จั�านวินตี วิอย�าง - จั�านวินแบีบีที่��ไม�สมบี�รณ"/ไม�ตีอบีจั�านวินตี วิอย�าง

90% เช,�อถุ,อได�/ด� - 60 89% การยอมร บีน�อย

Page 221: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

• โพิลและประชาธี�ปไตียโพิลและประชาธี�ปไตีย• โพิลให�โอกาศก บีประชาชนได�ม�ส�วินร�วิมแสดงโพิลให�โอกาศก บีประชาชนได�ม�ส�วินร�วิมแสดง ค์วิามเห)นค์วิามเห)น• โพิลให�โอกาสประชาชนได�เร�ยนร��จัากค์นอ,�นๆโพิลให�โอกาสประชาชนได�เร�ยนร��จัากค์นอ,�นๆ

Page 222: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Benchmark Survey (BS)

- - ตี�องการร��ภาพิล กษณ"ข้องผ��สม ค์ร ตีามล กษณะ ตี�องการร��ภาพิล กษณ"ข้องผ��สม ค์ร ตีามล กษณะ ข้องผ��ม�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3งข้องผ��ม�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3ง

- - เปร�ยบีเที่�ยบีค์��แข้�งเปร�ยบีเที่�ยบีค์��แข้�ง- - ประเม�นค์วิามก�าวิหน�าผลการรณรงค์"หาเส�ยงประเม�นค์วิามก�าวิหน�าผลการรณรงค์"หาเส�ยง

Page 223: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Trial Heat Surveys

ตี�องการร��วิ�าจัะเล,อกใค์รใจับีรรดาผ��สม ค์รหร,อที่�านจัะลงค์ะแนนให�ใค์ร

ประเม�นค์ะแนนรณรงค์"

Page 224: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. 3. Tracking PollsTracking Polls

- (TP) - (TP) ที่�าโพิลชน�ดวิ นตี�อวิ นใกล� ๆ ที่�าโพิลชน�ดวิ นตี�อวิ นใกล� ๆ วิ นเล,อกตี 3ง วิ นเล,อกตี 3ง - 37- 37 วิ นวิ น - - ตี�ดตีามอย�างกระช นช�ดตี�ดตีามอย�างกระช นช�ดเพิ,�อการรณรงค์"เพิ,�อการรณรงค์"

Page 225: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. 4. Cross - Section (CS)Cross - Section (CS)

หร,อ หร,อ Panel Survey PSPanel Survey PSPSPS - - ตี�ดตีามส มภาษณ"ค์นเด�มมากกวิ�า ตี�ดตีามส มภาษณ"ค์นเด�มมากกวิ�า 2 2 ค์ร 3งค์ร 3ง

วิ�าเปล��ยนแปลงหร,อไม�วิ�าเปล��ยนแปลงหร,อไม�- - ที่�าเวิลาใด เวิลาหน6�ง อาจัจัะที่�าหลายค์ร 3งได� ที่�าเวิลาใด เวิลาหน6�ง อาจัจัะที่�าหลายค์ร 3งได�

Page 226: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. (Focus Groups Survey)

FG = FG = ในที่างการเที่ค์น�ค์ไม�ในที่างการเที่ค์น�ค์ไม�ใช�โพิลใช�โพิล = = เป7นการสอบีถุามเป7นการสอบีถุามค์นที่��เป7น ค์นที่��เป7น KI KI ประมาณ ประมาณ - 10 - 10

20 20 ค์นค์น = = ค์าดเดาวิ�าใค์รค์วิรค์าดเดาวิ�าใค์รค์วิรจัะได�ร บีการเล,อกตี 3งจัะได�ร บีการเล,อกตี 3ง

Page 227: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. 6. Deliberation Opinion Polls (DOP)Deliberation Opinion Polls (DOP) รวิม รวิม FG FG และส�ารวิจัและส�ารวิจั

เอาตี วิแที่นมารวิมก นเอาตี วิแที่นมารวิมก น

ให�ข้�อม�ลข้�าวิสารให�ข้�อม�ลข้�าวิสาร

เป9ดโอกาสให�อภ�ปรายเป9ดโอกาสให�อภ�ปราย//ซึ่ กถุามซึ่ กถุาม

ส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นตี�อป*ญหาส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นตี�อป*ญหา

Page 228: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. Exit Polls (EP)ส มภาษณ"ผ��ใช�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3งแล�วิ ณ ที่างออก(Exit ) จัากค์�หาที่�านลงค์ะแนน หร,อ เล,อกใค์รหร,อเล,อกเบีอร"ใหน ? พิรรค์ใด ?

วิ ดจัากผ��ลงค์ะแนน จัร�ง ถุ�าตีอบีจัร�งที่�าเร)วิ 1 - 3 ช �วิโมง จัะที่ายผลการเล,อกตี 3งได�เร)วิ / ถุ�กตี�อง หล งป9ดห�บีเล,อกตี 3ง

Page 229: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การจั ดที่�าโพิลเป7นวิ�ธี�การที่างสถุ�ตี�และวิ�จั ยเช�งส�ารวิจั

1. ก�าหนดกล%�มตี วิอย�าง และ วิ�ธี�การเล,อกตี วิอย�าง2. ก�าหนดวิ�ธี�การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

3. สร�างแบีบีสอบีถุามหร,อแบีบีส มภาษณ"ในการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล4. เก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลจัากตี วิอย�างตีามแผนที่��ก�าหนดไวิ�5. ประมวิลผลและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลที่��ได�ค์วิามถุ��/ ร�อยละ (ตีามประเด)นข้�อถุาม)

6. การสร%ปผลและรายงานผลการศ6กษา

Page 230: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โค์รงสร�างข้องการที่�าโพิล (The Structure of Poll Conducting)ม�องค์"ประกอบี 3 ส�วิน

ส�วินที่�� 1 การจั ดเตีร�ยม วิางแผน และก�าหนดกรอบีการที่�างาน ด งน�3- การมองสถุานการณ" สภาพิป*ญหา หร,อปรากฎีการณ"ที่างส งค์ม- ก�าหนดห วิข้�อเร,�อง- ระบี%ที่��มาและค์วิามส�าค์ ญข้องโค์รงการ- วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการที่�าส�ารวิจั- ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี- ข้อบีเข้ตีข้องการส�ารวิจั- การที่บีที่วินที่ฤษฎี� วิรรณกรรม (บีางโค์รงการ)- การตี 3งสมมตี�ฐานในการวิ�จั ย (บีางโค์รงการ)- กรอบีแนวิค์�ดที่��ใช�ในการส�ารวิจั

Page 231: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินที่�� 2 ระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่�าโพิล ประกอบีด�วิย- - การก�าหนดประชากรเป�าหมาย การก�าหนดประชากรเป�าหมาย- - ข้นาดตี วิอย�างข้นาดตี วิอย�าง- - เที่ค์น�ค์การส%�มตี วิอย�างเที่ค์น�ค์การส%�มตี วิอย�าง- - การสร�างเค์ร,�องม,อวิ ดการสร�างเค์ร,�องม,อวิ ด- - การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล- - กรรมวิ�ธี�ที่างข้�อม�ลอ นประกอบีด�วิย การตีรวิจัสอบี กรรมวิ�ธี�ที่างข้�อม�ลอ นประกอบีด�วิย การตีรวิจัสอบี การลงรห ส การป�อนข้�อม�ล การลงรห ส การป�อนข้�อม�ล- - การประมวิลผล และการเล,อกใช� สถุ�ตี�ที่��เหมาะสม การประมวิลผล และการเล,อกใช� สถุ�ตี�ที่��เหมาะสม

Page 232: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินที่�� 3 ผลการส�ารวิจั ประกอบีด�วิย

- การวิ�เค์ราะห"และเข้�ยนผลสร%ปการส�ารวิจั - การอภ�ปรายผล (ถุ�าม�)- ข้�อม�ลที่ �วิไปข้องน กที่�าโพิล

Page 233: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ค์%ณภาพิข้องน กที่�าโพิลค์วิรม�ค์วิามเช��ยวิชาญและผ�านการเร�ยนร�� หล กส�ตีรการที่�าโพิล

2. ระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่�าโพิลที่��ใช� หมายถุ6ง การส%�มตี วิอย�างที่��เป7นตี วิแที่น ค์นที่ �วิ ๆ ไปได� ข้นาดตี วิอย�างที่��เหมาะสม และแบีบีสอบีถุามที่��เช,�อถุ,อ ได�วิ�าให�ข้�อม�ลที่��ม�ค์%ณภาพิไม�เอนเอ�ยงหร,อช�3น�าให�เก�ดประโยชน"ตี�อ ฝึKายหน6�งฝึKายใด3. งบีประมาณสน บีสน%นโค์รงการ ตี�องไม�เก��ยวิข้�องก บีพิรรค์การเม,อง หร,อ กล%�มการเม,อง4. ค์ณะน กที่�าโพิล ที่�มวิ�จั ย รวิมไปถุ6งพิน กงานเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล ตี�องไม�ย%�งเก��ยวิก บีกล%�มการเม,องหร,อพิรรค์การเม,องใด ๆ

Page 234: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. 1. ใค์รให�งบีประมาณสน บีสน%นใค์รให�งบีประมาณสน บีสน%น โค์รงการน 3น ๆ โค์รงการน 3น ๆ 2. 2. การส%�มตี วิอย�างที่�าอย�างไร น กที่�าการส%�มตี วิอย�างที่�าอย�างไร น กที่�า

โพิลตี�องช�3แจังได�โพิลตี�องช�3แจังได�3. 3. อออบีแบีบีสอบีถุามอย�างไร ม�การ อออบีแบีบีสอบีถุามอย�างไร ม�การที่ดสอบีค์วิามน�าเช,�อถุ,อที่ดสอบีค์วิามน�าเช,�อถุ,อ ข้องแบีบีสอบีถุามก�อนหร,อไม�ข้องแบีบีสอบีถุามก�อนหร,อไม�4. 4. ใช�วิ�ธี�อะไรเก)บีข้�อม�ล การส มภาษณ" ใช�วิ�ธี�อะไรเก)บีข้�อม�ล การส มภาษณ" , , การส�งที่างไปรษณ�ย"การส�งที่างไปรษณ�ย",,

หร,อการโที่รศ พิที่"หร,อการโที่รศ พิที่"5. 5. เก)บีข้�อม�ลช�วิงเวิลาใด เพิราะช�วิง เก)บีข้�อม�ลช�วิงเวิลาใด เพิราะช�วิงเวิลาอาจัส�งผลตี�อที่ ศนค์ตี�เวิลาอาจัส�งผลตี�อที่ ศนค์ตี� พิฤตี�กรรมและค์วิามเห)นข้องพิฤตี�กรรมและค์วิามเห)นข้องประชาชนประชาชน6. 6. การวิ�เค์ราะห"และสร%ปผล ที่�าก น การวิ�เค์ราะห"และสร%ปผล ที่�าก นอย�างไรอย�างไร

Page 235: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. น กที่�าโพิลตี�องด�าเน�นการอย�างระม ดระวิ งในการพิ ฒนาการ ออกแบีบีที่�าโพิลและเค์ร,�องม,อตี�าง ๆ โดยด�าเน�นการที่%ก ข้ 3นตีอนอย�างสมเหตี%สมผลเพิ,�อร บีประก นค์วิามน�าเช,�อถุ,อ และค์วิามเที่��ยงตีรงในผลโพิลน 3น

2. น กที่�าโพิลไม�ค์วิรเล,อกใช�เค์ร,�องม,อในการวิ�จั ยและวิ�ธี� วิ�เค์ราะห"โดยเช,�อวิ�าค์วิามสามารถุข้องเค์ร,�องม,อและ วิ�ธี�วิ�เค์ราะห"น 3นน�าไปส��การสร%ปผลส�ารวิจัที่��ช�3ประโยชน" แก�ฝึKายใดอย�างม�อค์ตี�

Page 236: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. น กที่�าโพิลค์วิรให�ค์�าแนะน�าด�วิยหล กวิ�ชาการอย�างม,ออาช�พิ โดยเหมาะสมก บีข้อบีเข้ตีข้องป*ญหาในการวิ�จั ยที่��ตีน ด�าเน�นการอย��เที่�าน 3น

4. น กที่�าโพิลไม�ค์วิรตี�ค์วิามหมายผลส�ารวิจัเก�นข้อบีเข้ตี ไปจัากข้�อม�ลที่��ม�อย��ในโค์รงการวิ�จั ยน 3น

5. น กที่�าโพิลค์วิรบีรรยายอย�างช ดเจันเก��ยวิก บีระเบี�ยบีวิ�ธี�การ ที่�าโพิลและผลส�ารวิจัที่��ค์�นพิบีในรายละเอ�ยดที่��เหมาะสม โดยไม�น�าเสนอผลส�ารวิจัที่��ลดที่อนส�ที่ธี�เสร�ภาพิส�วินบี%ค์ค์ล ข้องเอกชน

ตี�อ

Page 237: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)
Page 238: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Game of Objectives and Empowering

1. กร%ณาใช�ค์วิามสามารถุข้องที่�านปฏิ�บี ตี�งานช�3นน�3ให�ส�าเร)จัล%ล�วิงไปด�วิยด� และม�ประส�ที่ธี�ภาพิ2. งานช�3นน�3ที่��ที่�านตี�องปฏิ�บี ตี� ค์,อ การบีวิกส ญล กษณ"ตี�าง ๆ ( เลข้หล กร�อย 4 จั�านวิน) ข้�างล�างน�3 ส ญล กษณ"ตี�าง ๆ น 3นม�ค์�าเป7นตี วิเลข้ตี 3งแตี� 1 ถุ6ง 9 3. เค์ร,�องหมาย + ก)ค์,อ บีวิก (รวิม) ไม�ม�ค์�าที่างตี วิเลข้4. ส ญล กษณ"ที่��ม�ล กษณะเหม,อนก นในป*ญหาค์ณ�ตีศาสตีร"น�3 ม�ค์�าตี วิเลข้ตี วิเด�มเสมอ (ค์งที่��) 5. ผลล พิธี"ที่��ได�จัากการบีวิกส ญล กษณ"ตี�าง ๆ ปรากฏิอย��ใตี�เส�นที่6บี

Page 239: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ให�ใช�เวิลาที่�า 10 – 15 นาที่�

666

+6 6

2 6 9 6