Page 1
Sports Recreation and Exercise
for Health : SRE-100กีฬา การออกกําลงักาย นนัทนาการ เพื�อสขุภาวะ
By Dr. Luckhana Pimjan
+ Exercise Science (Ph.D.), Mahidol university+ Exercise Science (Ph.D.), Mahidol university
+ Sports Medicine (M.Sc.), Chulalongkorn University
+ Sports Science (B.Sc.), Mahidol University
C1, Room 156 Tel. 2008
Page 2
เป็นวิทยาศาสตร์ประยกุต์ โดยนําหลกัวิชาตา่งๆ เช่นกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยาการออกกําลงักาย จิตวิทยาการกีฬา สงัคมวิทยาการ กีฬาเวชศาสตร์ โภชนาการการกีฬา เทคโนโลยีการกีฬา การจดัการการกีฬา มาประยกุต์ใช้ในการออกกําลงักาย การฝึกซ้อมกีฬา การแข่งขนักีฬา ตลอดจนการดแูลสขุภาพร่างกายอย่างเป็นขั /นตอน
วิทยาศาสตร์การกีฬา ( Sport science)
Page 3
โครงสร้างของร่างกาย ที�ประกอบขึ /นเป็นรูปร่างสดัสว่นของร่างกายนกักีฬาแตล่ะคน ได้แก่ กระดกู กล้ามเนื /อ เอน็ ข้อตอ่ หวัใจ ปอด หลอดเลือด เมด็เลือดแดง เซลล์ประสาท เป็นต้น
กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)
Page 5
การทํางานของอวยัวะระบบตา่งๆของร่างกาย ก่อน ระหวา่ง หลงัการออกกําลงักาย และมีผลตอ่ ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื /อ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ และระบบอื�นๆ อยา่งไร
เช่น ระบบยอ่ยอาหาร: Metabolism, พลงังานและแหลง่พลงังานที�ใช้ในกิจกรรม ตา่ง ๆ : Aerobic Exercise , Anaerobic Exercise
•การพฒันาความสามารถของการทํางานของระบบตา่ง ๆ ให้มีประสทิธิภาพ เช่น ความ
สรีรวิทยาการออกกําลงักาย (Exercise Physiology)
•การพฒันาความสามารถของการทํางานของระบบตา่ง ๆ ให้มีประสทิธิภาพ เช่น ความทนตอ่การมีกรดแลคติกสะสมในกล้ามเนื /อ กล้ามเนื /อสามารถใช้พลงังานอย่างมีประสทิธิภาพ • การแลกเปลี�ยน ก๊าซออกซิเจน กบั คาร์บอนไดซ์ออกไซด์ อตัราการหายใจ• อตัราการเต้นของหวัใจ ; การหาระดบัความหนกัของการออกกําลงักายจากสตูร (220 – อาย)ุ * % ออกกําลงักาย เช่น อาย ุ20 ปี จะออกกําลงักายที�ระดบัความหนกั 65 % เพื�อลดไขมนั อตัราการเต้นของหวัใจ จะเต้นกี�ครั /ง ตอ่นาที= (220-20) * .65 = ? ครั /งตอ่นาที
Page 7
การทํางานของกล้ามเนื /อ กระดกู เอน็ และข้อตอ่ เพื�อนําไปสูก่ารใช้แรง ในการเคลื�อนไหวหรือปฏิบตัิทกัษะ อยา่งไรให้มีประสทิธิภาพสงูสดุ ในแตล่ะชนิดหรือประเภทกีฬา เพื�อพฒันาปรับปรุง เพื�อแก้ไขข้อบกพร่อง ทางด้านเทคนิคทกัษะกีฬา
ชีวกลศาสตร์ (Biomechanics)
Page 9
ความรู้ หลกัการในการการฝึก รูปแบบวิธี ความหนกัเบา โปรแกรมการฝึกซ้อมที�ถกูต้องโดยคํานงึถงึอาย ุเพศ วยั ประสบการณ์ ความแตกตา่งระหวา่งบคุคล เหมาะสมกบันกักีฬาแตล่ะบคุคล ระบบพลงังานสมรรถภาพทางกาย เฉพาะประเภทกีฬา ความสามารถในการเรียนรู้รับรู้ของนกักีฬาแตล่ะบคุคล การวางแผนการฝึกซ้อมในแตล่ะช่วงเวลาได้อยา่งถกูต้องเหมาะสม
ทกัษะและการฝึกซ้อมกีฬา ( Sports Pedagogy)
Page 11
โภชนาการทางการกีฬา( Sports Nutrition)
- สารอาหาร แหลง่พลงังานที�สําคญัที�ใช้ในการออกกําลงักาย การเลน่กีฬา - อาหารสําหรับบคุคลทั�วไปและบคุคลพิเศษ: ช่วยให้รู้จกัเลือกรับประทานอาหารให้ถกูหลกัโภชนาการและเหมาะสมกบักิจกรรมกีฬานั /นๆ หรือซ่อมแซมสว่นที�สกึหรอสําหรับนกักีฬาทั /งในช่วงการฝึก การแข่งขนัและหลงัการแข่งขนั เพื�อประสทิธิภาพสงูสดุในการแข่งขนัหลงัการแข่งขนั เพื�อประสทิธิภาพสงูสดุในการแข่งขนั
Page 12
CHO, FAT, Protein, Mineral & Vit
การลดนํ /าหนกัที�ได้ผลมากสดุ: ออกกําลงักายแบบแอโรบิค + อาหาร
Page 13
กระบวนการคิดการควบคมุทกัษะการเคลื�อนไหวและทกัษะกีฬาการตดัสนิใจในแตล่ะสถานการณ์ ถกูต้องเป็นผลดีตอ่เกมส์การแข่งขนัการแสดงออกซึ�งทกัษะและความสามารถของนกักีฬาได้อยา่งสอดคล้อง สมัพนัธ์กบัเหตกุารณ์ที�เกิดขึ /น: ช่วยในการสร้างแรงขบัในทางบวกและลดความวิตกกงัวลของนกักีฬา
จิตวิทยาการกีฬา ( sports psychology )
Page 15
การปอ้งกนั บําบดัรักษา และฟื/นฟ ูสภาพร่างกายให้กบันกักีฬาทั /งในสภาวะปกติและในระหวา่งการฝึกซ้อมเพื�อช่วยเสริมให้สมรรถภาพทางกายอยูใ่นสภาวะที�สมบรูณ์และพร้อมที�จะใช้งานได้ดีที�สดุ
เวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine)
•อาการบาดเจ็บจากการกีฬามกัมีสาเหตจุาก 2 คือประการ 1.การใช้งานของอวยัวะ•อาการบาดเจ็บจากการกีฬามกัมีสาเหตจุาก 2 คือประการ 1.การใช้งานของอวยัวะสว่นนั /นมากเกินไป 2.จากอบุตัิเหตขุองการเลน่กีฬา•การปอ้งกนัการบาดเจ็บ นอกจากการปอ้งกนัจากภายนอกได้ คือจากอปุกรณ์ตา่งๆ ที�ใช้ในการกีฬา ยงัสามารถปอ้งกนัด้วยสมรรถภาพทางกาย ปอ้งกนัด้วยทกัษะ ปอ้งกนัด้วยโภชนาการ ปอ้งกนัด้วยสภาพแวดล้อม ปอ้งกนัด้วยการอบอุน่ร่างกาย และปอ้งกนัด้วยวิธีการ
Page 17
ประดิษฐ์การใช้เครื�องมือและอปุกรณ์ช่วยสนบัสนนุในการพฒันาสง่เสริมตลอดจนการแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่องให้กบันกักีฬาเพื�อเพิ�มศกัยภาพและประสทิธิภาพให้กบัผู้ ฝึกสอนกีฬาและนกักีฬารวมทั /งการวิเคราะห์ข้อมลูการเคลื�อนไหวทางด้านเทคนิคทกัษะ การประเมินผลและรายงานผลการแข่งขนัที�เป็นประโยชน์ถกูต้องรวดเร็วให้กบัผู้ฝึกสอนกีฬา นกักีฬา และผู้ชม
เทคโนโลยีทางการกีฬา(Sports and technology)
ฝึกสอนกีฬา นกักีฬา และผู้ชม
เช่น การถ่ายภาพ การถ่ายวิดีโอ โทรทศัน์ : วิเคราะห์การเคลื�อนไหวในเชิงกีฬา โค้ชและนกักีฬานําเอาข้อมลูที�ได้มาปรับปรุง แก้ไข พฒันา ความสามารถของนกักีฬาให้ดีขึ /นได้
Page 19
การจดัการกีฬา (Sports Management)
การบริหารและการจดัการมาประยกุต์ใช้ในการบริหารจดัการในองค์กรกีฬา การจดัการแข่งขนักีฬา รวมทั /งการทําธุรกิจด้านกีฬา ฯลฯ: การเรียนรู้ ในเรื�องการแก้ปัญหาตา่งที�เกิดขึ /นในองค์กรกีฬา(องค์กรกีฬาตา่งๆ เช่น การแข่งขนั โอลมิปิก เอเชี�ยนเกมส์ ซีเกมส์ กีฬาแหง่ชาติ กีฬาตา่งๆ เช่น การแข่งขนั โอลมิปิก เอเชี�ยนเกมส์ ซีเกมส์ กีฬาแหง่ชาติ กีฬาสโมสรอาชีพ ฯลฯ)
Page 21
Citius (swifter) : เร็วที�สุดAltius (higher) : สูงที�สุดFortius (stronger) : ความแขง็แกร่งที�สุด
Page 24
(The Physical Examination)การตรวจสมรรถภาพร่างกาย(The Physical Examination)
•สญัญาณชีพ (Vital Signs)
ชีพจร (Pulse):
Male, Female = 60 to 100 bpmเดก็ (Children) = 120 to 140 bpmเดก็ (Children) = 120 to 140 bpm
นกักีฬา (Athletes) below 50 bpm
ความดนัเลือด (Blood Pressure) :
ผู้ใหญ่ (Adults) = 120/80 mm Hg
เดก็ (Children) = 105/70 mm Hg
Page 25
(The Physical Examination)การตรวจสมรรถภาพร่างกาย(The Physical Examination)ตอ่
•ตรวจโรคทั�วไป (General Medical Problems)
•ตรวจวดัระบบไหลเวียนเลือดและหวัใจ (Cardiovascular Examination)
•ตรวจวดัระบบหายใจ (Pulmonary Examination)
•ตรวจวดัระบบโครงร่างและกล้ามเนื /อ (Musculoskeletal Examination)
•ตรวจวดัระบบประสาท (Neurologic Examination)•ตรวจวดัระบบประสาท (Neurologic Examination)
•ตรวจวดัตาและการมองเหน็ (Eyes Examination)
•ตรวจวดัฟัน (Dental Examination)
•ตรวจวดัระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Examination)
•ตรวจวดัระบบสืบพนัธุ์ (Genitourinary Examination)
•ตรวจวดัผิวหนงั (Dermatologic Examination)
•ตรวจวดัความเจ็บป่วยที�เกิดจากความร้อน (Examination of Heat Disorders)
Page 26
องค์ประกอบสมรรถภาพทางกาย(Physical Fitness Profile)
•รูปร่างและสดัสว่นร่างกาย(Anthropometry & body composition:
BMI)
รูปร่าง : ผอม, สนัทดั, อ้วน % body fat (ไขมนั) : ชาย = 14 %% body fat (ไขมนั) : ชาย = 14 %
หญิง = 17%
นกักีฬา = 3-5 %
•ความเป็นผู้ใหญ่และการเจริญเติบโต (Maturation & growth)
growth spurts: girls = age 12
boys = age 14
Page 27
กระบวนการพฒันาเสริมสร้างสําหรับการออกกําลงักาย
1. วดัและทดสอบร่างกาย (Assessment)
2. ประเมินผล (Interpretation)
3. การจดัโปรแกรม (Prescription)
3.1 รูปแบบการออกกําลงักาย (Mode)3.1 รูปแบบการออกกําลงักาย (Mode)
3.2 ความถี�ของการออกกําลงักาย (Frequency)
3.3 ระยะเวลาการออกกําลงักาย (Duration)
3.4 ความหนกัของการออกกําลงักาย (Intensity)
3.5 ข้อควรระวงัในการออกกําลงักาย (Precaution)
3.6 ความก้าวหน้าของการการออกกําลงักาย (Progression)
Page 28
องค์ประกอบพื /นฐานของสมรรถภาพทางกาย(Basic components of physical activity)
องค์ประกอบพื /นฐานของสมรรถภาพทางกาย(Basic components of physical activity)
• ความแขง็แรง กล้ามเนื /อแขน ขา วดัแรงเหยียดขา แรงบีบมือ• Strength (ความแขง็แรง):กล้ามเนื /อแขน ขา วดัแรงเหยียดขา/แรงบีบมือ
• Balance (การทรงตวั): เดินตรงมัMย เซ?
• Coordination (การทํางานประสานกนัของระบบประสาทกบักล้ามเนื /อ):
หมนุแขนซ ข สลบักนัได้ หมนุแขนซ/ข สลบักนัได้?
• Flexibility (ความออ่นตวั): นั�งเหยียดขา โน้มตวัมือแตะเท้า
• Endurance (ความทนทน): เดิน วิ�ง ได้นาน? เร็ว?
Page 29
หลกัการออกกําลงักายที�ถกูต้อง
•การเตรยีมพรอ้มกอ่นออกกาํลงักาย พกัผอ่นเพียงพอ การ•การเตรยีมพรอ้มกอ่นออกกาํลงักาย: พกัผอ่นเพียงพอ, การแตง่กาย,
นํ /าดื�ม ร่างกายและจิตใจพร้อม•การออกกาํลงักายอย่างปลอดภยั:
-คนมีโรคประจําตวัควรปรึกษาแพทย์ ก่อน (ความดนัโลหิตสงู
ของร่างกายมากขึ /น
-คนมีโรคประจําตวัควรปรึกษาแพทย์ ก่อน (ความดนัโลหิตสงู เบาหวาน โรคหวัใจ อ้วน),
-เลือกกิจกรรมที�ชอบ สะดวกที�สดุ ไมห่กัโหม ควรเป็นการออกกําลงักายอยา่งตอ่เนื�อง (aerobic exercise)
- สําหรับคนอ้วน หรือผู้ ที�เริ�มออกกําลงักาย: เดินเร็ว ปั�นจกัรยาน วา่ยนํ /า 60-65% เพราะเหนื�อยไมม่าก และลดนํ /าหนกัได้ ปวดข้อน้อย
- คนปกติ: เดินเร็ว วิ�งเหยาะๆ ทําให้หวัใจเต้นเร็ว เหนื�อย เพิ�มความฟิตของร่างกายมากขึ /น
Page 30
• การเตรียมตวัก่อนออกกําลงักาย นาที• การเตรียมตวัก่อนออกกําลงักาย: warm up 5-10 นาที,
ปอ้งกนัการบาดเจ็บ
• เลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกบัระดบัความฟิต: 30 นาทีขึ /นไป
หลกัการออกกําลงักายที�ถกูต้อง(ตอ่)
• เลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกบัระดบัความฟิต: 30 นาทีขึ /นไป
• การปฏิบตัติวัหลงัการออกกําลงักาย: cool down 5-10 นาที,
ชีพจรลดลงปกติ, ดื�มนํ /าเพียงพอ
Page 31
หลกัFITTสําหรับการจดัโปรแกรมการออกกําลงักาย
• F = frequency ความบอ่ยของการออกกําลงักาย 3-5 วนั/สปัดาห์• F = frequency ความบอ่ยของการออกกําลงักาย 3-5 วนั/สปัดาห์• I = intensity ความหนกัของกิจกรรม ดจูากอตัราการเต้นของหวัใจ อตัราการเต้นของหวัใจสงูสดุ = 220- อาย ุ(ครั /ง/นาที)
เช่น นาย ใจดี อาย ุ20 ปี จะมีอตัราการเต้นของหวัใจสงูสดุ___ครั /ง/นาที เช่น นาย ใจดี อาย ุ20 ปี จะมีอตัราการเต้นของหวัใจสงูสดุ___ครั /ง/นาที• T = time, duration ระยะเวลาที�ใช้ในการออกกําลงักาย 30-45 นาที • T = type, mode ชนิดหรือกิจกรรม การออกกําลงักาย
- การออกกําลงักายแบบอากาศนิยม(aerobic exercise)
- การออกกําลงักายแบบอนากาศนิยม(anaerobic exercise)
- การออกกําลงักายแบบใช้แรงต้าน (resistance training)
Page 32
การออกกําลงักายแบบอากาศนิยม(Aerobic exercise)
Page 33
การออกกําลงักายแบบอนากาศนิยม(Anaerobic exercise)
Page 34
Resistance training
Page 35
การเลือกกิจกรรมสําหรับการออกกําลงักาย
ข้อควรคํานงึข้อควรคํานงึ
• อายุ
• เพศ
• ระดบัสมรรถภาพทางกาย• ระดบัสมรรถภาพทางกาย
• โรคประจําตวั
• อปุกรณ์และการแตง่กาย
Page 36
กิจกรรมการออกกําลงักายสําหรับเดก็
Page 37
กิจกรรมการออกกําลงักายสําหรับคนอ้วน
Page 38
กิจกรรมการออกกําลงักายสําหรับผู้สงูอายุ
Page 39
ปัจจยัที�สง่เสริมสขุภาพที�ดี
• การออกกําลงักายอยา่งสมํ�าเสมอ • การออกกําลงักายอยา่งสมํ�าเสมอ • การรับประทานอาหารที�มีประโยชน์ครบถ้วน • การรับประทานอาหารที�มีประโยชน์ครบถ้วน • การพกัผอ่นที�เพียงพอ • การปอ้งกนัโรค • การลดหรือเลกิสิ�งที�บั�นทอนสขุภาพ
Page 42
อปุกรณ์และการแตง่กาย
Page 43
1. Prevention
2. Immediate care:
การบาดเจ็บจากการเลน่กีฬา (Sports Injuries)
2. Immediate care:
RICE=
R = Rest
I = Ice
C = CompressionE = Elevation
Page 44
อปุกรณ์ปอ้งกนั (Protection Equipment)
Page 45
– ไมห่ายใจ (Cessation of breathing)
– เลือดออกมาก (Severe bleeding)
– ชีพจรไมเ่ต้น (No pulse)
– บาดเจ็บที�สมองและหมดสติ (Concussion with loss
ข้อบ่งชี ของการบาดเจ็บที�ฉุกเฉิน
– บาดเจ็บที�สมองและหมดสติ (Concussion with loss
of consciousness)
– บาดเจ็บที�คอหรือสนัหลงั(Neck or spinal injury)
Page 46
– กระดกูหกัและข้อเคลื�อน(Fractures and dislocations)
– บาดเจ็บที�ตา (Eye injuries)
– หอบหืดรุนแรง(Severe asthma attack)
– เป็นไข้แดด(Heat-related illness)
ข้อบ่งชี ของการบาดเจ็บที�ฉุกเฉิน(ต่อ)
– เป็นไข้แดด(Heat-related illness)
– ช๊อค(Shock)
Page 47
– ถลอก(Abrasions)
– ของมีคมบาด(Minor cuts)
– ตงึกล้ามเนื /อ(Strains)
ข้อบ่งชี ของการบาดเจบ็ที�ไม่รุนแรง
– ตงึกล้ามเนื /อ(Strains)
– ข้อเคลด็(Sprains)
– สมองกระทบกระเทือนแตย่งัมีสติ(Minor concussions
without loss of consciousness)
– ฟกชํ /า(Contusions)
Page 48
ข้อเคลื�อน (Joint dislocation)
Page 49
กระดกูหกั (Bone fracture)
Page 50
Eyes Injuries Muscle strain
Page 51
แผลถลอก (Abrasion)
ฟกชํ /า (Contusion)
Page 52
การปฐมพยาบาลเบื /องต้น (First Aids)
Page 53
Rest and IceRest and Ice
Page 54
Most common sports injuries
Page 55
ข้อปฏิบัตเิพื�อป้องกันการบาดเจบ็จากการออกกาํลังกายหรือกีฬา
รับประทานอาหารก่อน 3-4 ชม & ดื�มนํ /าเพียงพอ/เกลือแร่
อบอุน่ร่างกายโดยปฏิบตัิตามขั /นตอนอยา่งถกูต้อง รวมทั /งการบริหารความออ่นตวั (Jogging + Stretching)
สวมใสร่องเท้าและถงุเท้าให้พอดีและเหมาะสมกบักีฬามั�นคงและรองรับแรงกระแทก
ออกกําลงักายที�บริเวณพื /นเรียบ ไมว่ิ�งบนลาดยางหรือคอนกรีต
Page 56
ศกึษาเรียนรู้วิธีการเลน่และปฏิบตัิทกัษะอยา่งถกูวิธี
เพิ�มระดบัความหนกัของการออกกําลงักาย อย่างตอ่เนื�องสมํ�าเสมอ
แบง่เวลาออกกําลงักายตลอดทั /งสปัดาห์
เพิ�มระดบัความหนกัของการออกกําลงักาย อย่างตอ่เนื�องสมํ�าเสมอ
รู้ข้อจํากดัของตวัเอง ไมเ่ลน่มากเกินความสามารถตวัเอง
นําสง่รพ. ให้เร็วที�สดุ
พยายามออกกําลงักายอยา่งเตม็ที�เพื�อพฒันาทกุๆระบบ
Page 57
หนงัสืออ้างอิง
1. Marcia K. Anderson, Gail P. Parr, Susan J. Hall. Foundations of athletic
training: Assessment, and management. 4th Lippincott Williams & Wilkins,
Pennsylvania, USA, 2009.
2. http://www.google.co.th/search?q=sports+pictures
3. http://www.bodybuildingestore.com/know-about-the-best-aerobic-exercises/ access;28/05/2013.