แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง ตั้งอยู่ที่ตําบลกําพวน อําเภอสุขสําราญ อยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด ระนอง เป็นศูนย์กลางของ “กลุ่มแหล่งโบราณคดีภูเขาทอง” ประกอบไปด้วย ภูเขาทอง บ้านบาง กล้วยนอก เขากล้วย (บางคลัก) และไร่ใน ที่กล่าวเช่นนั้นเนื่องจากพบหลักฐานทางโบราณคดี หนาแน่นกว่าบริเวณอื่น โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคํา อันเป็นที่มาของชื่อภูเขาทอง ในพื้นที่แถบนี้ พบลูกปัดทั้งแก้วและหินจํานวนมาก และมีหลักฐานมากพอที่จะกล่าวได้ว่า เป็นแหล่งผลิตลูกปัด (Bead making site) ที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยเช่นเดียวกัน “ควนลูกปัด” จังหวัดกระบี่ เนื่องจากพบก้อนแก้ว หิน วัตถุดิบในการทําลูกปัดเป็นจํานวนมาก ซึ่งมีเทคนิคการผลิตเฉพาะ โดย การดึงยืดแก้วสีเดียวเป็นท่อยาวๆ แล้วนํามาตัดสั้นๆ ให้เป็นเม็ดลูกปัด จากนั้นนําไปผ่านความร้อนอีก ครั้งเพื่อลบคมแก้วที่ถูกตัดให้หายไป การผลิตด้วยวิธีนี้ทําให้ได้ลูกปัดสีเดียวในหนึ่งเม็ด (Monochrome beads) เช่น สีเหลือง สีน้ําเงิน สีดํา สีเขียว เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบลูกปัดแก้วที่ หลอมรวมติดกันเป็นก้อนและลูกปัดหินที่ยังทําไม่เสร็จเป็นจํานวนมาก ลูกปัดแก้วที่พบส่วนใหญ่เป็น ลูกปัดสีเดียวที่เรียกว่า “ลูกปัดอินโดแปซิฟิค” ส่วนลูกปัดหินพบหินคาร์เนเลียน หินอาเกต เป็นส่วน ใหญ่ ในพื้นที่กลุ่มแหล่งโบราณคดีนี้ พบจี้สิงโต (Lion pendant) ครึ่งตัวอยู่ในท่าหมอบแกะสลัก จากคริสตัล (Rock crystal) จัดเป็นเครื่องรางประเภทหนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอํานาจและความ ยิ่งใหญ่ รวมทั้งพบสัญลักษณ์มงคลอื่นๆ อีก ได้แก่ สังข์ ศรีวัตสะ สวัสติกะ และที่สําคัญคือ ไตรรัตนะ ที่ทําเป็นลูกปัดจากหินคาร์เนเลี่ยน นอกจากนี้ยังพบโบราณวัตถุหลายอย่างที่บอกได้อย่างชัดเจนว่ามาจากดินแดนภายนอก ได้แก่ จี้หรือหัวแหวนทําจากแผ่นหินคาร์เนเลียนสลักเป็นรูปสัตว์ เช่น ไก่ ม้า คนขี่ม้า รวมถึงรูปบุคคล แบบโรมัน โบราณวัตถุชนิดนี้พบตามเมืองท่าโบราณ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออกที่มีการติดต่อ ค้าขายกับอาณาจักรโรมัน และพบแพร่หลายอยู่ตามเมืองท่าโบราณของอินเดียที่มีการติดต่อค้าขาย และมีการตั้งถิ่นฐานของชาวโรมันช่วงพุทธศตวรรษที่ 6-7 หลักฐานสําคัญที่แสดงถึงการเป็นสถานีการค้าได้อย่างชัดเจนคือ ภาชนะดินเผาที่นําเข้ามา จากอินเดียซึ่งมีเทคนิคการผลิต เนื้อดิน และรูปทรงแตกต่างจากภาชนะดินเผาพื้นเมืองอย่างชัดเจน มี การเขียนด้วยภาษาทมิฬ ตัวอักษรแบบ Tamil-Brahmi อายุประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 2 มีตัวอักษร 3 ตัว อ่านว่า “Tu Ra O..” อาจมาจากคําว่า “Turavon” ซึ่งหมายถึง พระ และอีกชิ้นเขียนด้วย ตัวอักษร Brahmi อ่านว่า “pu aa” อายุประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4 ภาชนะดินเผาที่สําคัญเป็นพิเศษ คือ ภาชนะดินเผารูเลทเท็ดแวร์ (Rouletted Ware) ซึ่งพบ ครั้งแรกเป็นจํานวนมากในดินแดนแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน มีรายงานว่าพบที่อินเดียและศรีลังกา มากถึง 50 แหล่ง มีอายุประมาณ 2,000-2,200 ปีมาแล้ว ภาชนะดินเผาประเภทนี้เรียกตาม