Page 1
การควบคมุค่า BOD COD ในโรงงานอตุสาหกรรมให้เป็นไปตามกฎหมาย
ผศ.ดร.วรพจน์ กนกกนัฑพงษ์ภาควิชาวิทยาศาสตรสิ์�งแวดล้อม
คณะวิทยาศาสตร ์จฬุาลงกรณ์มหาวิทยาลยั[email protected]
29 มกราคม 2562
แนวทางการเพิ�มประสิทธิภาพการทาํงานของระบบบาํบดันํ�าเสียในโรงงานอตุสาหกรรม
Page 2
แหล่งกาํเนิดนํ�าเสียอตุสาหกรรม
2
นํ�าเสยีจากการประกอบกจิการโรงงาน ที�ระบายลงสูแ่หลง่นํ�าสาธารณะหรอืออกสูส่ ิ�งแวดลอ้ม และนํ�าเสยีจากการใช้นํ�าของคนงานและกจิกรรมอื�นๆ ภายในโรงงาน
หา้มระบายออกจากโรงงาน ยกเวน้ไดก้ระทาํการอยา่งใดจนทาํใหนํ้�าทิ�งมลีกัษณะเป็นไปตามมาตรฐานการระบายนํ�าทิ�ง แต่ตอ้งไมใ่ชว้ธิทีาํใหเ้จอืจาง (Dilution)
นํ�าทิ�ง
BOD, COD, FOGBOD, COD
อุณหภมูิขึ�นกบัอุตสาหกรรม
กระบวนการผลิต ระบบหล่อเยน็
สาํนักงาน โรงอาหาร
Page 3
3
ค่ามาตรฐานนํ�าทิ�งออกจากโรงงาน (โรงงานในนิคมฯ)พารามเิตอร์ ค่ามาตรฐาน
pH 5.5-9.0
Temperature 40 (45) oC
Color 300 (600) ADMI
Odor - (ไมเ่ป็นที�พงึรงัเกยีจ)
TDS 3,000 mg/l
TSS 50 (200) mg/l
BOD 20 (500) mg/l
COD 120 (750) mg/l
Sulfide 1 mg/l
Cyanides 0.2 mg/l
FOG 5 (10) mg/l
Formaldehyde 1 mg/l
Phenols 1 mg/l
Free chlorine 1 mg/l
พารามเิตอร์ ค่ามาตรฐาน
Pesticide N.D.
TKN 100 mg/l
Fluoride 5 mg/l
Surfactants 30 mg/l
Zn 5.0 mg/l
Cr+6 0.25 mg/l
Cr+3 0.75 mg/l
As 0.25 mg/l
Cu 2.0 mg/l
Hg 0.005 mg/l
Cd 0.03 mg/l
Ba 1.0 mg/l
Se 0.02 mg/l
Pb 0.2 mg/l
Ni 1.0 mg/l
Mn 5.0 mg/l
Page 4
ต้องวดัทกุพารามิเตอรไ์หม??
ประเมนิจากวตัถุดบิที�ใชใ้นกระบวนการผลติ
ผลการเกดิปฏกิริยิาในกระบวนการผลติสง่ผลต่อสารอะไรที�เกดิขึ�น
การทาํความสะอาด หรอืการลา้ง
สิ�งสกปรกที�เกดิขึ�นเทยีบเคยีงกบักลุ่มพารามเิตอรใ์ดไดบ้า้ง
4
Page 5
หลกัเกณฑก์ารสั �งให้หยดุประกอบกิจการโรงงาน 2546
กรณโีรงงานระบายนํ�าเสยี โดยไมม่รีะบบบาํบดัหรอืยงัสรา้งระบบบาํบดัไมเ่สรจ็
กรณรีะบบบาํบดัชาํรดุเสยีหาย หรอืไมเ่ดนิระบบ หรอืมขีนาดไม่เพยีงพอจะรบันํ�าเสยีทั �งหมด
มกีาร by-pass นํ�าเสยี
โรงงานมเีรื�องรอ้งเรยีนต่อเนื�อง เรื�อรงั
โรงงานระบายนํ�าทิ�งที�ไมผ่า่นมาตรฐาน
5
หรืออย่างน้อยกจ่็ายค่าปรบั....
Page 6
ประกาศฯ เรื�อง ผูค้วบคมุดแูลระบบป้องกนัสิ�งแวดล้อมเป็นพิษ พ.ศ. 2554
6
ผูจ้ดัการสิ�งแวดล้อม
ผูค้วบคมุระบบบาํบดัมลพิษนํ�า
ผูค้วบคมุระบบบาํบดัมลพิษอากาศ
ผูค้วบคมุระบบการจดัการมลพิษกากอตุสาหกรรม
ผูป้ฏิบติังานประจาํระบบฯ
ผูป้ฏิบติังานประจาํระบบฯ
ผูป้ฏิบติังานประจาํระบบฯ
บริษทัที�ปรึกษา
Page 7
ประกาศฯ การจดัทาํรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที�ระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. 2558
เกบ็ตวัอย่างนํ�าส่งวิเคราะห์ นํ�าเสยี (นํ�าเขา้ระบบ) อยา่งน้อย 3 เดอืนครั �ง นํ�าเสยีหรอืนํ�าทิ�งออกจากระบบบาํบดั อยา่งน้อย 3 เดอืนต่อครั �ง นํ�าทิ�งระบายออกนอกโรงงาน อยา่งน้อย 1 เดอืนต่อครั �ง นํ�าเสยีที�สง่บาํบดัภายนอกโรงงานใหเ้กบ็ตวัอยา่งนํ�าในบอ่สดุทา้ย อยา่ง
น้อย1 เดอืนต่อครั �ง ไมท่ิ�งนํ�าออกนอกโรงงาน: เกบ็นํ�าในบอ่สดุทา้ย อยา่งน้อย 3 เดอืนครั �ง
พารามิเตอร:์ BOD, COD, SS, pH หรอืโลหะหนกั สง่รายงาน RV ภายใน 1 ก.ย. และ ภายใน 1 ม.ีค. ของปีถดัไป
7
การลด BOD COD ในนํ�าเสีย ทาํอย่างไรได้บา้ง
Page 8
กฎกระทรวงฯ กาํหนดหลกัเกณฑ ์วิธีการ และแบบการเกบ็สถิติและข้อมลูการจดัทาํบนัทึกรายละเอียด และรายงานสรปุผลการทาํงานของระบบบาํบดันํ�าเสีย 2555
8
Page 9
กายภาพ: ขนาด การออกแบบ เคม:ี การใชส้ารเคมี ชวีภาพ: ควบคุมเชื�อ
กายภาพ ชวีภาพ เคมี
Organic 1 (TOC BOD COD) Organic 2 (FOG) Inorganic (TKN TSS TDS)
หลกัการควบคมุ BOD และ COD
9
พารามิเตอร์ต้นเหตุ
ระบบบาํบดัที�ใช้ควบคมุ เทคนิคการ
ควบคมุระบบ
Page 10
BOD
Biochemical Oxygen Demand ปรมิาณของออกซเิจนที�แบคทเีรยีใชใ้นการยอ่ยสลาย
สารอนิทรยี ์ในเวลา 5 วนั ที�อุณหภมู ิ20 ºซ เป็นตวัแทนปรมิาณสารอินทรียท์ี�ยอ่ยสลายงา่ย มาจากสารอนิทรยีต่์างๆ เชน่ การลา้ง เศษอาหาร นํ�ามนั
บางประเภท ฯลฯ เป็นตวัการใหนํ้�าเน่าเสยี
10
Page 11
BOD
11
BOD5 0.7 BODU
Page 12
COD
Chemical Oxygen Demand ปรมิาณออกซเิจนทั �งหมดที�ตอ้งการใชเ้พื�อออกซเิดชนั
สารอนิทรยีใ์นนํ�าใหเ้ป็นคารบ์อนไดออกไซดแ์ละนํ�า หรอื ตวัแทนสารอินทรียท์ี�ยอ่ยสลายงา่ยและยาก รวมทั �ง
สารอนินทรยีบ์างชนิด เชน่ ไนเตรท คลอไรด ์ซลัไฟด์ นิยม เพราะใชเ้วลาวดัเพยีง 2-3 ชม.
12
Page 13
BOD-COD
13
COD
BOD
สารอนิทรยีย์อ่ยงา่ย
สารอนิทรยี์ยอ่ยงา่ย + ยอ่ยยาก
ปกต ิCOD จะมากกวา่ BOD เสมอ คา่ BOD:COD ในนํ�าเสยีชนิดหนึ�งๆ มกัคงที� BOD:COD สงู จะเหมาะแก่การใชว้ธิกีารบาํบดัทางชวีภาพ
Page 14
FOG
Fat, Oil and Grease
Grease and oil, ไขมนัและนํ�ามนั
จากโรงอาหาร นํ�ามนัหลอ่เยน็ นํ�ามนัเครื�อง
เป็นสารอนิทรยีท์ี�ยอ่ยสลายทางชวีภาพไดย้าก รบกวนการทาํงานของระบบบาํบดันํ�าเสยี
ระบบบาํบดัทางชวีวทิยาลม้เหลว
14
Page 15
Suspended solids (SS)
ของแขง็แขวนลอย เชน่ ดนิ สาหรา่ย คอลลอยด ์แบคทเีรยี
ทาํใหนํ้�าขุน่ มสี ีอาจก่อใหเ้กดิโรค
อาจเป็นตะกอนสารอนิทรยีห์รอืสารอนินทรยีก์ไ็ด้
15
Page 16
Total Dissolved Solids (TDS)
ของแขง็ที�ละลายนํ�าได้ เชน่ แคลเซยีม แมกนีเซยีม ไบคารบ์อเนต ซลัเฟต คลอไรด ์ไนเตรท กรด ดา่ง
ไมส่ามารถมองเหน็ดว้ยตาเปล่า
อาจหมายถงึออิอนต่างๆ ที�อยูใ่นนํ�า จงึมคีวามสมัพนัธก์บัสภาพนําไฟฟ้า (Conductivity)
ยิ�งใสส่ารเคมมีาก TDS ยิ�งสงู
16
Page 17
TKN
ธาตุอาหาร ไดแ้ก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั กระตุน้ใหพ้ชืบางประเภท เชน่ สาหรา่ยและวชัพชืในนํ�าเจรญิมากกวา่ปกต ิ
TKN = Total Kjeldahl Nitrogen = N-อนิทรยี ์+ แอมโมเนีย
ไนไตรด ์(NO2-) ไนเตรท (NO3
-)
17
Page 18
ภาพรวมหลกัของระบบบาํบดันํ�าเสีย
18
ถงัดกัไขมนัตะแกรง
ระบบบาํบดัทางเคมี
ถงัตกตะกอน
เครื�องกาํจดัตะกอน
บ่อเกรอะ/บ่อซึม
โรงอาหารห้องนํ�ากระบวนการผลิต
ระบบไร้อากาศ
เครื�องกาํจดัตะกอน
ระบบเติมอากาศ
บ่อ Eq.นํ�าหล่อเยน็ ปรบัอณุหภมิู
ทิ�ง/รวม
Page 19
ประเภทของระบบบาํบดันํ�าเสีย
19
• เหมาะกบัของแขง็ขนาดใหญ่ ไม่ละลายนํ�า
• กาํจดั ไขมนั SS• เชน่ ถงัดกัไขมนั
ตะแกรง บ่อตกตะกอน
การบาํบดัทางกายภาพ
• เหมาะกบัของแขง็ขนาดเลก็ ออิอน สารพษิ
• กาํจดั SS COD• เชน่ การสร้าง-รวม
ตะกอน การดดูติดผิว
การบาํบดัทางเคมี
• เหมาะกบัสารอนิทรยี์
• กาํจดั BOD COD TKN
• ระบบเติมอากาศ ระบบไร้อากาศ
การบาํบดัทางชีวภาพ
Page 20
20
การบาํบดัทางกายภาพ
Page 21
1. ตะแกรง (Screening)
ป้องกนัเศษขนาดใหญ่ ที�อาจเขา้ไปอุดตนัระบบทอ่และเครื�องจกัร
เชน่ เศษผา้ กระดาษ พลาสตกิ แกว้ ผา้อนามยั
ชว่ยลด BOD 10 – 30%
21
Page 22
2. ถงัปรบัเสมอ (Equalization tank)
บ่อสาํหรบัรวบรวมนํ�าเสยี มหีน้าที�เป็นบ่อพกันํ�าเสยี
ปรบัอตัราการไหล และความเข้มข้น ของนํ�าเสยีใหส้มํ�าเสมอ ก่อนป้อนเขา้สูก่ระบวนการบาํบดันํ�าเสยี
ทาํใหร้ะบบทาํงานไดอ้ยา่งมปีระสทิธภิาพ
อุปกรณ์ที�จาํเป็น ไดแ้ก่ ป ั �ม และตวักวน
ระยะเวลากกัเกบ็ขึ�นกบัหลายปจัจยั
2222
Page 23
ถงัปรบัเสมอ (Equalization tank)
23
23
บีโอดี
ของแขง็แขวนลอย
อตัราการไหล
อตัรา
การไ
หล ล
บ.ม.
/วินา
ที
บีโอดี
และข
องแข
ง็แขว
นลอย
มก.
/ล.
เวลาในหนึ�งวนั
อตัราการไหลและค่าบีโอดีของนํ�าเสียที�เข้าระบบในช่วงเวลาหนึ�งวนั
Q
t
Q
t
Page 24
3. บอ่ตกตะกอน (Sedimentation tank)
การตกตะกอน (Clarifier) เป็นการแยกเอาของแขง็ที�มนํี�าหนกัมากกวา่นํ�าออกจากนํ�าเสยีโดยอาศยัแรงดงึดดูของโลก
ถงัตกตะกอนแบ่งเป็น 4 ประเภท ไดแ้ก่
1. ถงัตกตะกอนแบบสี�เหลี�ยมผนืผา้
2. ถงัตกตะกอนแบบวงกลม
3. ถงัตกตะกอนแบบทอ่
4. ถงัตกตะกอนแบบโซลดิชค์อนแทคท์
24
Page 25
25
ตามทฤษฎีถงัแบบไหนตกตะกอนดีสดุ??
1
4
2
3
Page 26
Discrete Flocculent
Zone SettlingInlet Zone
Outlet zone
Direction of flow
L
v
v
v
V
V
VcQ Q
H
h
h
Sludge Zone
Surface area, AS
V0
Page 27
3. บอ่ตกตะกอน (Sedimentation tank)
ม ีslope ที�ดา้นหนึ�ง และมเีครื�องกวาดตะกอนลงหลุมดา้นล่าง
ขอ้ดคีอื สามารถใชผ้นงัรว่มกนักบับ่ออื�น
27
1. ถงัตกตะกอนแบบสี�เหลี�ยมผนืผา้
Page 28
3. บอ่ตกตะกอน (Sedimentation tank)
ขอ้ดคีอื weir loading เพยีงพอ
28
2. ถงัตกตะกอนแบบวงกลม
Page 30
3. บอ่ตกตะกอน (Sedimentation tank)
มแีผน่/ทอ่ เอยีง วางขนานกนั
สอดแผน่หรอืทอ่เขา้ไปในถงัตกตะกอน เอยีง 45 - 60 องศา
ระยะระหวา่งแผน่ประมาณ 2.5 – 5 m.
Plate settler หรอื Tube settler
ลดความลกึในการตกตะกอนจะทาํใหป้ระสทิธภิาพการตกตะกอนดขีึ�น
ทศิทางการไหลของนํ�าสวนกบัตะกอน - ตกตะกอนดขีึ�น
30
3. ถงัตกตะกอนแบบทอ่
Page 32
3. บอ่ตกตะกอน (Sedimentation tank)
มกีระบวนการโคแอกกเูลชั �น รวมอยูใ่นถงัเดยีว
คา่ใชจ้า่ยในการดแูลรกัษาตํ�า (ไมต่อ้งมเีครื�องกวน)
ใชอ้ตัรานํ�าลน้ผวิไดส้งูกวา่ถงัตกตะกอนแบบธรรมดา
32
4. ถงัตกตะกอนแบบโซลดิชค์อนแทคท ์
Page 33
4. บอ่ดกัไขมนั (Grease Trap)
ธรรมชาตขิองนํ�ามนัจะลอยแยกจากนํ�า
ราคาถูก ไมต่อ้งใชเ้ครื�องจกัร
มกัใชก้บันํ�าเสยีจากโรงอาหาร
ตอ้งใชแ้รงงานคนในการตกัไขมนัที�ลอยหน้า
ควรออกแบบฝาเปิด-ปิดใหส้ะดวกต่อการยก
Detention time 2 – 6 ชั �วโมง
33
กาํจดันํ�ามนัโรงอาหาร
Page 34
4. บอ่ดกัไขมนั (Grease Trap)
34http://www.pcd.go.th/info_serv/water_wt.html
Page 35
4. บอ่ดกัไขมนั (Grease Trap)
35
นํ�าเสยี นํ�าทิ� ง
ท่อระบายอากาศฝาปิด
นํ�ามนั
Page 36
Oil skimmer belt
36
ใชส้ายพานในการดงึนํ�ามนัออกจากนํ�า และรดีออก
www.encotecthai.com
กาํจดันํ�ามนัหลอ่ลื�น
Page 37
Air Flotation
37
ใชห้ลกัการลอยตวัของฟองอากาศใหพ้าตะกอนลอยขึ�นบนผวินํ�า แลว้ตกัไขมนัที�ลอยหน้าออก
ใชเ้วลาน้อยกวา่การทาํใหล้อยโดยธรรมชาติ และการตกตะกอน
ใชก้บันํ�าเสยีที�มนํี�ามนั หรอืสารอนิทรยีส์งูมาก
ฟองอากาศตอ้งมขีนาดเลก็พอ (ประมาณ 2-3 มม.)
อาจตอ้งเตมิสารเคมบีางชนิด เชน่ Alum, PACl, FeCl3 เพื�อชว่ยในการรวมตะกอนขนาดเลก็ใหล้อยไดง้า่ยขึ�น
ตะกอนลอยที�ถูกแยกออกสามารถนํามาใชป้ระโยชน์ได ้เชน่ ไขมนัทาํเป็นเชื�อเพลงิ โรงงานปลาสามารถขายเศษปลาที�ถูกแยกได้
Page 38
Dissolved Air Flotation
38
Page 39
39
การบาํบดัทางเคมี
Page 40
กระบวนการบาํบดัทางเคมี
การปรบั pH (pH adjustment)
การสรา้งและรวมตะกอน (Coagulation-Flocculation)
การตกตะกอนผลกึ (Precipitation)
การดดูตดิผวิ (Adsorption)
การฆา่เชื�อโรค (Disinfection)
การแลกเปลี�ยนออิอน (Ion Exchange)
ออกซเิดชนัชั �นสงู (Advanced Oxidation Process) เชน่ Fenton UV O3
40
Page 41
การสร้างและรวมตะกอน (Coagulation-Flocculation)
อนุภาคขนาดเลก็ๆ กระจายอยูท่ ั �วไปในสารตวักลางเป็นเนื�อเดยีวมเีสถยีรภาพสงู คอื สามารถแขวนลอยอยูไ่ดน้าน โดยไมต่กตะกอนขนาดของอนุภาคคอลลอยด ์10-6 - 10-3 mmขนาดเลก็มาก ทาํใหนํ้�าหนกัสาํคญัน้อยกวา่พื�นที�ผวิของอนุภาค
41
อนภุาคตา่งๆ เสน้ผา่นศนูยก์ลาง(mm) เวลาที�ใชใ้นการตกระยะ 1 m
กรวด 10 1 วนิาที
ทรายหยาบ 1 10 วนิาที
ทรายละเอยีด 0.1 120 วนิาที
ตะกอนดนิ (Silt) 0.01 120 นาที
แบคทเีรยี 0.001 192 ชั�วโมง
คอลลอยด์ 0.0001 730 วนั
0.00001 10 ปี
0.000001 มากกวา่ 20 ปี
Page 42
42
เสถียรไมร่วมตวั – ตกตะกอนไดย้าก
1. ทาํลายเสถยีร
2. ทาํใหอ้นุภาครวมตวักนั มขีนาดใหญ่เพิ�มขึ�น
3. แยกตะกอนออกจากนํ�า
สารเคมี 1
สารเคมี 2
การสร้างและรวมตะกอน (Coagulation-Flocculation)
Page 43
43
เสถียรไมร่วมตวั – ตกตะกอนไดย้าก
1. ทาํลายเสถยีร
2. ทาํใหอ้นุภาครวมตวักนั มขีนาดใหญ่เพิ�มขึ�น
3. แยกตะกอนออกจากนํ�า
เพิ�มความเป็นด่างด้วย ปนูขาว / ปรบั pH
เติม PAC, Alum, FeCl3“กวนเรว็”
พอลิเมอร์“กวนช้า”
ถงัตกตะกอน
การสร้างและรวมตะกอน (Coagulation-Flocculation)
Page 44
การกวนเรว็-ช้า
44
(ถงักวนเรว็) (ถงักวนช้า)
พอลิเมอร์PAC
ฟลอ็ก
ของแขง็แขวนลอย
คอลลอยด์
Page 45
45
pHC
1. ถงักวนเรว็
กรด-ด่างสารช่วยตกตะกอน
พอลิเมอร์
2. ถงักวนช้า
3. ถงัตกตะกอน
ตะกอน
นํ�าเสีย
การสร้างและรวมตะกอน (Coagulation-Flocculation)
ควรเติมสารเคมีเท่าใด…?????
Page 46
46กวนเรว็-กวนช้า นานแค่ดีน้า..??
Page 47
การกวนเรว็-ช้ากาํลงังานที�ใช้ในการกวน :
G = ( P/V)1/2
เมื�อ G = Velocity gradient, ต่อวนิาที P = กาํลงังานที�ตอ้งการใช,้ วตัต์ = Dynamic viscosity, นิวตนั.วนิาท/ีตร.ม.
V = ปรมิาตรของนํ�าในถงักวนoCoagulation : G = 250 – 1500 ต่อวนิาท,ี DT = 30 – 120
วินาทีGt = 30,000 – 60,000
oFlocculation : G = 20 – 80 ต่อวนิาท,ี DT = 10 – 30 นาที Gt = 10,000 – 100,000
47
Page 48
AOPs
ทาํให ้COD กลายเป็น BOD
48
AOPs