่ บทที่ 15 เทคนิคการใชพจนานุกรม ในการอานเรื่องเพื่อใหเกิดความเขาใจเนื้อหาของเรื่องที่อาน การรูคําศัพทเปนสิ่งสําคัญเรื่อง หนึ่ง และมีหลายวิธีที่ผูอานจะไดทราบความหมายของคํา ๆ นั้น ซึ่งนอกจากการรูจักโครงสราง ของคํา และการเดาความหมายจากบริบท (Context Clues) แลวยังมีอีกวิธีหนึ่งคือ การใช พจนานุกรม ซึ่งควรนํามาใชเปนวิธีสุดทายเมื่อไมอาจใชวิธีอื่นในการเดาความหมายของคําศัพท นั้นได ในการใชพจนานุกรมเพื่อหาความหมายนั้น ถาผูเรียนรูจักวิธีใชอยางฉลาดก็ยอม ประสบผลสําเร็จไดงาย ผูเรียนควรรูจักคําตาง ๆ ที่จะพบเห็นในพจนานุกรมดังตอไปนี้ 1. คําชี้แนะ (Guide Words) คือ คําศัพทที่ปรากฏอยูในสวนบนสุดทางซายและขวามือ แตละหนาในพจนานุกรม Guide Word ที่อยูทางซายมือเปนคําแรกของหนานั้น สวน Guide Word ที่อยูทางขวามือ คือคําสุดทายที่ปรากฏอยูในหนานั้นเชนกัน 2. การสะกดตัว (Spelling) เปนการบงบอกวาคํานั้นสะกดอยางไร ตัวอักษรอะไรมากอน หรือมาหลังตัวอักษรใด 3. การออกเสียง (Pronunciation) คําตาง ๆ ที่มีพจนานุกรม จะมีสัญลักษณในการออก เสียงสั้น ยาว และเครื่องหมายการลงเสียงเนนหนัก เบาในประโยคใสมาดวย 4. คําจํากัดความ (Definition) คือ การบอกความหมายของคํา และคําบางคําอาจมี ความหมายไดหลาย ๆ แบบ 5. ชนิดของคํา (Parts of Speech) เปนการบอกวาคํา ๆ นั้นเปนคําอะไร เชน คํานาม คํากริยา คําคุณศัพท และเมื่อเปนคํานามแลว จะเปนคํากริยาไดหรือไม จะใชรูปเดียวกันหรือ ตางกันอยางไรบาง 6. โครงสรางของคํา เปนการบอกวาในคํานั้นสวนใดเปนรากคํา (Root) อุปสรรค (Prefix) หรือ ปจจัย (Suffix) เพื่อชวยใหเขาใจความหมายเดิมของสวนตาง ๆ เหลานี้ดวย 7. คําพองและคําแยงความหมาย (Synonyms and Antonyms) ในพจนานุกรมบางเลมจะมี การใหคําที่มีความหมายเหมือนกัน (Synonyms) หรือคําที่มีความหมายที่แยงกัน (Antonyms) ควรรู วา คําศัพทนั้นมีคําพอง หรือ คําแยงความหมายหรือไม และถามีจะเปนคําอะไร ตัวอยาง Pronunciation Definition Parts of Speech Spelling meaning