โวหารภาพพจน์ จัดทําโดย คร ุ บัวต ู ม ออนตะไคร้
โวหารภาพพจน์
จดัทาํโดย
ครุบัวตูม ออนตะไคร้
ความหมายของโวหารภาพพจน์
โวหารภาพพจน์ คอื กลวธิีการนําเสนอสารโดยการพลกิแพลงภาษาที่
ใช้พูด หรือเขียนให้แปลกออกไปจากภาษาตามตวัอกัษรทําให้ผู้อ่านเกดิ
ภาพในใจเกดิความประทบัใจ เกดิความรู้สึกสะเทอืนใจ เป็นการ
เปรียบเทยีบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน
อุปมาโวหาร
อุปมา ( Simile ) คอื การเปรียบเทยีบว่าสิ่งหนึ่งเหมอืนกบัสิ่งหนึ่ง
โดยใช้คาํเชื่อมทีม่คีวามหมายเช่นเดยีวกบั คาํว่า
“เหมอืน” เช่น ดุจ ดัง่ ราว ราวกบั
เปรียบ ประดุจ เฉก เล่ห์ ปาน ประหนึ่ง
เพยีง เพีย้ง พ่าง ปูน ฯลฯ
ตวัอยา่ง อุปมาโวหาร
ปัญญาประดุจดงัอาวุธ
ท่าทางหล่อนราวกบันางพญา
ปากเธอเหมอืนกระจบัอ่อน
ไพเราะกงัวานปานเสียงนกร้อง
จมูกเหมอืนลูกชมพู่
ตาเหมอืนตามฤคมาศ
ใบหูเหมอืนทอดมนัร้อนๆ
โทษผู้อืน่เพีย้งเมลด็งา
อุปลกัษณ์ ( Metaphor )
อุปลกัษณ์ กค็ล้ายกบัอุปมาโวหารคอืเป็นการเปรียบเทยีบเหมอืนกนั แต่
เป็นการเปรียบเทยีบ สิ่งหนึ่งเป็นอกีสิ่งหนึ่ง อุปลกัษณ์จะไม่กล่าวโดยตรง
เหมอืนอุปมา แต่ใช้วธิีกล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอาเองทีส่ําคญั อุปลกัษณ์จะ
ไม่มคีาํเชื่อมเหมอืนอปุมา อุปลกัษณ์มลีกัษณะการเปรียบเป็นจะมคีาํว่า
เป็น, คอื อยู่ในข้อความนั้น
ตวัอยา่ง โวหารอุปลกัษณ์
ขอเป็นเกือกทองรองบาทา ไปจนกวา่ชีวนัจะบรรลยั
ทหารเป็นรั้วของชาติ
เธอคือดอกฟ้าแต่ฉนันั้นคือหมาวดั
เธอเป็นดินหรือเธอเป็นหญา้แทจ้ริงมีค่ากวา่ใครนิรันดร์
ชาวนาเป็นกระดูกสนัหลงัของชาติ
ครูคือแม่พิมพข์องชาติ
ชีวิตคือการต่อสู ้ ศตัรูคือยาชูกาํลงั
ปฏพิากย์ ( Paradox )
ปฏพิากย์ หรือ ปรพากย์ คอืการใช้ถ้อยคาํทีม่คีวามหมายตรงกนัข้าม
หรือขดัแย้งกนัมากล่าว อย่างกลมกลนืกนัเพือ่เพิม่ความหมายให้มนีํา้หนัก
มากยิง่ขึน้
ตวัอย่างปฏพิากย์โวหาร
เลวบริสุทธิ์ บาปบริสุทธิ์ สวยเป็นบ้า สวยอย่างร้ายกาจ
สนุกฉิบหาย สวรรค์บนดนิ ยิง่รีบยิง่ช้า
นํา้ร้อนปลาเป็น นํา้เยน็ปลาตาย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
อตพิจน์ (Hyperbole)
อตพิจน์ หรือ อธิพจน์ คอืโวหารทีก่ล่าวเกนิความจริง เพือ่เน้นความรู้สึก
ทาํให้ผู้ฟังเกดิความรู้สึกทีล่กึซึ้งภาพพจน์ชนิดนีน้ิยมใช้กนัมากแม้ในภาษาพูด
เพราะเป็นการกล่าวทีท่าํให้เห็นภาพได้ง่ายและแสดงความรู้สึกของกวไีด้
อย่างชัดเจน
ตวัอย่างอตพิจน์โวหาร
คดิถงึใจจะขาด คอแห้งเป็นผง ร้อนตบัจะแตก
หนาวกระดูกจะหลดุ การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า
คดิถงึเธอทุกลมหายใจเข้าออก
ในกรณทีีใ่ช้โวหารตํา่กว่าจริงเรียกว่า "อวพจน์"
ตวัอย่าง อวพจน์โวหาร
เลก็เท่าขีต้าแมว
เพยีงชั่วลดันิว้มอืเดยีว
รอสักอดึใจเดยีว
บุคลาธิษฐาน (Personification ) บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวตั คอืการกล่าวถงึสิ่งต่างๆ ทีไ่ม่มชีีวติ
ไม่มคีวามคดิ ไม่มวีญิญาณ เช่น โต๊ะ เก้าอี ้ อฐิ ปูน หรือ
สิ่งมชีีวติทีไ่ม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้นไม้ สัตว์ โดยให้สิ่งต่างๆเหล่านีแ้สดงกริิยา
อาการและความรู้สึกได้เหมอืนมนุษย์
ตัวอย่าง บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวตั
มองซิ..มองทะเล บางครั้งมนับ้าบิ่น
ทะเลไม่เคยหลบัใหล บางครั้งยงัสะอืน้
เห็นลมคลืน่เห่จูบหิน กระแทกหินดงัครืนครืน
ใครตอบได้ไหม ไฉนจงึตืน่ทะเลมันตืน่อยู่รํ่าไป
ตวัอยา่ง บุคลาธิษฐาน
ฟ้าหวัเราะเยาะขา้ ชะตาหรือดินนั้นถืออภิสิทธิ์ชีวิตขา้เองไม่เกรงดินฟ้า
ไสเ้ดือนเที่ยวเกี้ยวสาว ทุกจุลินทรียอ์ะมีบา
ชาวอปัสรนอนชั้นฟ้า เชิดหนา้ไดด้ิบไดด้ี
เสียงร้องไหร้ํ่ าหาเหมือนฟ้าร้อง พระธรณีตีอกดว้ยตกใจ
พระเสื้อเมืองเมินมองแลว้ร้องไห้ โลกบาลถอนฤทยัไม่อาจมอง
สัญลกัษณ์ (symbol )
สญัลกัษณ์ เป็นการเรียกชื่อสิ่งๆหนึ่งโดยใช้คาํอืน่มาแทน ไม่เรียกตรงๆ
ส่วนใหญ่คาํทีน่ํามาแทนจะเป็นคาํทีเ่กดิจากการเปรียบเทยีบและตคีวามซึ่ง
ใช้กนัมานานจนเป็นทีเ่ข้าใจและรู้จกักนัโดยทัว่ไป
ตวัอย่าง สัญลกัษณ์
เมฆหมอก แทน อุปสรรค
สีดาํ แทน ความตาย ความชั่วร้าย
สีขาว แทน ความบริสุทธิ์
กหุลาบแดง แทน ความรัก
หงส์ แทน คนชั้นสูง
กา แทน คนตํา่ต้อย
ดอกไม้ แทน ผู้หญงิ
แสงสว่าง แทน สตปิัญญา
เพชร แทน ความแขง็แกร่ง ความเป็นเลศิ
แก้ว แทน ความดงีาม ของมคี่า
ลา แทน คนโง่ คนน่าสงสาร คนพาล คนคด
สุนัขจิง้จอก แทน คนเจ้าเล่ห์
นามนัย ( Metonymy )
นามนัย คอืการใช้คาํหรือวลซีึ่งบ่งลกัษณะหรือคุณสมบัตขิองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แทนอกีสิ่งหนึ่งคล้ายๆสัญลกัษณ์แต่ต่างกนัตรงที่ นามนัยนั้นจะดงึ
เอาลกัษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่งมากล่าว ให้หมายถงึส่วนทั้งหมด
ตวัอยา่ง นามนยัเมอืงโอ่ง หมายถงึ จงัหวดัราชบุรี
เมอืงย่าโม หมายถงึ จงัหวดันครราชสีมา
ทมีเสือเหลอืง หมายถงึ ทมีมาเลเซีย
ทมีกงัหันลม หมายถงึ เมอืงเนเธอร์แลนด์
ทมีสิงโตคาํราม หมายถงึ องักฤษ
ฉัตร หมายถงึ กษตัริย์
เก้าอี้ หมายถงึ ตาํแหน่ง
มอืทีส่าม หมายถงึ ผู้ก่อความเดอืดร้อน
เมอืงนํา้หอม หมายถงึ ประเทศฝรั่งเศส
สัทพจน์ (Onematoboeia )
สัทพจน์ หมายถงึภาพพจน์ทีเ่ลยีนเสียง
ธรรมชาติ
เช่น เสียงดนตรี เสียงสัตว์
เสียงคลืน่ เสียงลม เสียงฝนตก
เสียงนํา้ไหล ฯลฯ การใช้ภาพพจน์
ประเภทนีจ้ะทาํให้เหมอืนได้ยนิเสียง
นั้นจริง ๆ
ตวัอยา่ง สทัพจน์
ลูกหมาร้องบอ๊ก ๆ ๆ ลกูนกร้องจิ๊บๆๆ ลูกแมวร้องเหมียว ๆ ๆ
เปรี้ยง ๆ ดงัเสียงฟ้าฟาด
ตะแลกแตก๊แตก๊ตะแลกแตก๊แต๊ก กระเดื่องดงัแทรกสาํรวลสรวลสนัต์
คลื่นซดัครืนครืนซ่าที่ผาแดง
นํ้าพพุุง่ซ่าไหลมาฉาดฉาน เห็นตระการเสียงกงัวาน
มนัดงัจอกโครม จอกโครม มนัดงัจอก จอก โครม โครม
บดัเดี๋ยวดงัหง่างเหง่งวงัเวงแวว่ ออ้ยอี๋เอียง ออ้ยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง
เสียงลิงค่างบ่างชะนีวะหวีดโหวย กระหึมโหยหอ้ยไมน้่าใจหาย
ป๊ะโท่นป๊ะโท่นป๊ะโท่นโท่น
สรุปโวหารภาพพจน์
๑. อุปมาโวหาร
๒. อุปลกัษณ์โวหาร
๓. ปฏพิากย์พจน์
๔. อตพิจน์หรือ อธิพจน์
๕. อวพจน์
๖. บุคลาธิษฐาน บุคคลวตั
๗. สัญลกัษณ์
๘. นามนัย
๙. สัทพจน์
ใหน้กัเรียนวเิคราะห์ขอ้ความต่อไปนี้วา่มีโวหารภาพพจน์ชนิดใดบา้ง
เชา้วนัหนึ่งตื่นขึ้นมาดว้ยอารมณ์สดใส ทอ้งฟ้าใสสด บรรยากาศสวยงามเหมือนไดอ้ยูบ่น
สวรรค ์จิตใจวา้วุน่คิดถึงคนไกลที่ไปเป็นทหารทาํหนา้เป็นรั้วของชาติ คิดถึงปัญหาภาวะ
เศรษฐกิจ คิดถึงชาวนาที่เป็นกระดูกสนัหลงัของชาติ ทนัใดนั้น ไดย้นิเสียงแตรรถยนตด์งั
ปิ๊น ปิ๊น เขาจึงตื่นจากภวงัค ์และรู้สึกกระหายนํ้าอยา่งมาก มองดูทะเลซดัคลื่นเขา้หาฝั่ง
ซึ่งมีความใหญ่โตราวจะพงัถล่มทบับา้นเรือน นกนอ้ยกาํลงับินออกจากรังเพื่อหากิน
ส่งเสียงจิ๊บๆจ๊าบๆร้องเรียกกนั ฟ้าเริ่มหลัง่นํ้ าตา ทอ้งฟ้ามืดคลึ้ม สายลมโบกพดัอยา่งแรง
ตน้มะพร้าวไม่อาจตา้นความแรงไดล้ม้นอนเคลื่อนเตม็ทอ้งถนน ฉนัรู้สึกถึงธรรมชาติ
ธรรมชาติที่พร้อมจะเอาคืนจากมนุษยผ์ูท้ี่ทาํลายธรรมชาติ..