Top Banner
30

สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

Mar 10, 2016

Download

Documents

สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย
Welcome message from author
This document is posted to help you gain knowledge. Please leave a comment to let me know what you think about it! Share it to your friends and learn new things together.
Transcript
Page 1: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย
Page 2: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

บรรณาธิการสาระ/เรียบเรียง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์

บรรณาธิการศิลปะ/ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง

ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา, ธนรัตน ์ไทยพานิช, ชิชกาน ทองสิงห์

ศิลปกรรมรูปเล่ม : วันดี ตามเที่ยงตรง พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์

พบวิธีเอาชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย ตามแบบพระพุทธเจ้า

พร้อมบทสวดพาหุงมหากา, โพชฌังคปริตร มนต์พิชิตโรค,

รัตนสูตร คาถาป้องกันภัย, คาถาอุณหิสสวิชัย มนต์คาถาชนะความตาย

Page 3: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

ธรรมทาน สานสุข

๑ที่มา:พระไตรปิฎกบาลีภาษาไทยฉบับสยามรัฐเล่มที่๒๕หน้า๖๓

สังคมไทยเราอยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่ได้ทุกวันนี้ นอกจากด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยแล้ว สิ่งหนึ่งคือความที่คนไทยตั้งตนอยู่ในหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา และทั้งสองประการนี้เมื่อผนวกเข้าด้วยกันจึงสามารถดำรงความเป็นชาติไทยมาได้ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องเชิดชูและหวงแหนไว้ซึ่งสถาบันทั้ง ๓ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย ์ ในสถาบันทั้ง ๓ นั้น ท่านวางศาสนาไว้ตรงกลาง ก็เพื่อเป็นเครื่องหมายให้ทราบว่า ศาสนาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยพยุงอุ้มชูสถาบันอื่นให้มีอยู่ต่อไป เพราะแกนหลักของชาติก็ดี ของพระ-มหากษัตริย์ก็ดี อยู่ที่บุคคลในชาติมีคุณธรรม จริยธรรม มีความสำนึกที่ดี ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของพระพุทธศาสนาที่ช่วยกล่อมเกลาให้คนในประเทศเป็นคนดีมีศีลธรรม จริยธรรม การช่วยกันบอกต่อ แนะนำ หรือพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทานให้ขยายวงกว้างออกไปให้มากที่สุด ยิ่งมากยิ่งดี ย่อมก่อเป็นธรรมนิวเคลียร์ จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสน จากแสนเป็นล้าน จากล้านเป็นล้านล้านทั่วโลกแตกกระจายออกไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ปัญหาทุกปัญหาแก้ได้ด้วยธรรมะ ธรรมะหนึ่งข้อจากหนังสือหนึ่งเล่ม ช่วยผู้ที่กำลังทุกข์ให้พ้นทุกข์ได ้ ช่วยผู้ที่หมดกำลังใจให้มีกำลังใจต่อสู้ ดังนั้น ผู้ให้ธรรมทานจึงเปรียบเสมือนผู้ให้ชีวิตใหม่ ให้ความเป็นมนุษย์ ย่อมได้อานิสงส์มากมายมหาศาล สมดังพระพุทธดำรัสว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง๑

Page 4: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

คำนำ

สิ่งที่คุกคามชีวิตและเป็นที่เกรงกลัวที่สุดของมนุษย์มีมากมายหลายประการ

แตกต่างกันไป เช่นกลัวจนกลัวคนไม่รักกลัวสอบตกกลัวเจ้าหนี้กลัวตกงานกลัว

อดอยาก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมนุษย์ ก็คือ ความตาย เพราะเมื่อความตาย

ย่างกรายมาถึงนั่นหมายถึงความสิ้นสุดของชีวิตและการพลัดพรากจากทรัพย์สิ่งของ

และคนที่รัก แม้กระทั่งร่างกายก็ต้องทิ้งไป นอกจากความตายแล้วยังมีสิ่งที่น่ากลัว

สำหรับมนุษย์อีก๒อย่างคือโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุเภทภัยต่างๆ

จะดีสักเพียงไรหนอหากสามารถเอาชนะสิ่งที่คุกคามชีวิตทั้ง๓อย่างนั้นได้

คำตอบคือดีแน่และดีมากๆ ด้วย แต่จะเอาชนะด้วยวิธีใด เพราะสิ่งทั้ง ๓ อย่างนั้น

เป็นของมีอยู่เป็นอยู่ตามธรรมชาติที่ทุกคนจะต้องประสบพบเจอแม้องค์สมเด็จพระ-

สัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีไม่พ้น

หนังสือสวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย เล่มนี้ ไม่ได้เขียนขึ้น

เพื่อที่จะให้ท่านไม่ป่วย ไม่มีภัย และไม่ตาย เพราะไม่มีใครสามารถทำอย่างนั้นได้

แต่หนังสือเล่มนี้มุ่งไปที่วิธีทำอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์ในยามเจ็บป่วยมีภัยและเผชิญหน้า

กับความตาย ซึ่งผู้อ่านสามารถนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สุขแก่

ตนเองครอบครัวและคนรอบข้างได้

ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ข้าพเจ้าขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชาธรรมบูชา

สังฆบูชา และมอบเป็นกตเวทิตาคุณแก่บิดามารดา ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่าน

ขอบคุณทีมงานทุกท่านที่ช่วยกันคิด สร้างสรรค์ และใส่ใจลงมือทำด้วยความละเอียด

พิถีพิถันจนหนังสือเล่มนี้สำเร็จเป็นรูปเล่มดังที่เห็น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้

จักเอื้อประโยชน์สุขแก่ทุกท่านได้เป็นอย่างดี

จิรํ ทิปฺปตุ โลกสฺมึ สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ

ขอพระศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

จงเจริญรุ่งเรืองอยู่ในโลก ตลอดกาลนาน

ศักดิ์สิทธิ์พันธุ์สัตย์

(น.ธ.เอก,ป.ธ.๗,พธ.บ.)บรรณาธิการ/เรียบเรียง

Page 5: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สารบัญ

หนีความตายไม่ได้แต่เลือกตายดีได้ ๕๔

สาเหตุของคนกลัวตาย ๕๕

ทำอย่างไรจึงจะไม่กลัวตาย ๕๖

ทำอย่างไรจึงจะตายดี ๕๘

ตายดีมีข้อปฏิบัติดังนี้ ๖๐

สวดมนต์ ทำดีง่ายๆ

แต่ได้บารมี ๑๐ ประการ

๑. บทกราบพระรัตนตรัย ๖๗

๒. บทนอบน้อมพระพุทธเจ้า ๖๗

๓.บทไตรสรณคมน์ ๖๘

๔.บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ๖๘

๕.บทพุทธชัยมงคลคาถา(พาหุง) ๖๙

๖.บทชยปริตตัง(มหากา) ๗๑

๗.บทสัพพมงคลคาถา ๗๒

๘.บทอิติปิโสเท่าอายุ+๑ ๗๓

๙.บทโพชฌังคปริตร ๗๓

๑๐. บทรัตนสูตร ๗๔

๑๑. บทอุณหิสสวิชยคาถา ๗๖

๑๒. บทแผ่เมตตาให้ตนเอง ๗๗

๑๓. บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ๗๘

๑๔. บทอุทิศผลบุญแก่สรรพสัตว์ ๗๙

และเจ้ากรรมนายเวร

พุทธวิธีชนะโรค

โรคคืออะไร ๖

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ๘

โรคในมุมมองของพุทธศาสนา ๙

สาเหตุของการเกิดโรค ๑๐

วิธีป้องกันและรับมือกับการป่วย ๑๒

การดูแลสุขภาพกาย ๑๒

การดูแลสุขภาพทางใจ ๑๕

จะทำอย่างไรเมื่อเจ็บป่วย ๑๘

๔พุทธวิธีรักษาโรคกรรม ๒๖

สาเหตุที่รักษาโรคด้วยพุทธวิธีไม่ได้ผล ๓๕

พุทธวิธีชนะภัย

ความหมายของคำว่าภัย ๓๖

ประเภทของภัย ๓๖

ภัยภายในร้ายกว่าภัยภายนอก ๔๐

โลกจะแตกแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ๔๒

วิธีป้องกันภัย ๔๓

สร้างความดีไว้ในใจ

เป็นเกราะกันภัยได้อย่างดี ๔๘

ความดีที่ช่วยป้องกันภัย๔ประการ ๔๘

พุทธวิธีชนะความตาย

เทวดาถึงฆาตแต่ไม่ตาย ๕๑

พุทธวิธีช่วยให้พ้นตายมีจริงแต่ไม่ถาวร๕๓

Page 6: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

“บุคคลบางคนในโลกนี้

เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม

เป็นผู้เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือบ้าง

ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง

เพราะกรรมนั้นที่เขาให้บริบูรณ์ ยึดมั่นไว้อย่างนั้น

หลังจากตายแล้วเขาจึงไปเกิดใน อบาย ทุคติ วินิบาต นรก

หลังจากตายแล้ว ถ้าไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

กลับมาเกิดเป็นมนุษยใ์นที่ใดๆ

เขาก็จะเป็นผู้มีโรคมาก”

ที่มา : จูฬกัมมวิภังคสูตร

พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๔ หน้า ๓๕๑ ข้อที่ ๒๙๑

Page 7: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

พุทธวิธีชนะโรค

โรคคืออะไร

โรค คือ ความเจ็บไข้ได้ป่วยอันเนื่องมาจากความผิดปกติของร่างกาย

และจิตใจ

คำว่า โรค นี้ มาจากคำบาลีว่า โรโค หรือ โรคะ แปลว่า เสียบแทง

หมายถึง สิ่งที่เสียบแทงร่างกายและจิตใจให้เจ็บปวด เสียหาย เสื่อมสลาย

จนถึงใช้การไม่ได้เหมือนกับสนิมที่กัดกร่อนเหล็กให้หมดสภาพใช้การไม่ได้

โรคอาจจำแนกได้เป็น ๒ ประเภทหลักๆ คือ โรคทางกาย กับโรค

ทางจิต, โรคทางกาย ก็คือ โรคที่เกิดจากความผิดปรกติของร่างกายโดยตรง

ไม่เกี่ยวกับความคิดจิตใจ ซึ่งพบได้ทั่วไป เช่น ไข้หวัด มะเร็ง เบาหวาน วัณโรค

เอดส์ สมองเสื่อม โรคหัวใจ เป็นต้น, ส่วนโรคทางจิต คือ โรคที่เกิดจากความ

ผิดปกติทางจิตเช่นโรคอารมณ์แปรปรวนโรควิตกกังวลโรคซึมเศร้าโรคเครียด

อันเนื่องมาจากปัญหาชีวิตรุมเร้าเป็นต้นซึ่งผู้ป่วยเป็นโรคนี้ต้องเข้ารับการรักษา

ที่โรงพยาบาลจิตเวชเช่นโรงพยาบาลศรีธัญญาโรงพยาบาลสวนปรุงโรงพยาบาล

มนารมย์เป็นต้น

นี่ว่าด้วยโรคทางจิตตามภาษาแพทย์ หรือตามความเข้าใจของคนทั่วไป

แต่ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว โรคทางจิตนี้หมายถึงโรคที่ทำให้ใจเป็นทุกข์

ซึ่งมีสาเหตุมาจากอำนาจกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งโรค

ชนิดนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่ารักษายากที่สุดในโลกและติดต่อเรื้อรังร้ายแรงข้ามภพ

ข้ามชาติและยังเป็นบ่อเกิดของโรคอื่นๆอีกมากมายซึ่งถ้าว่าไปแล้วผู้ที่ไม่ป่วย

เป็นโรคเพราะกิเลสนี้แทบจะไม่มี และเราท่านทุกคนต่างก็ป่วยเป็นโรคนี้กันทั้งนั้น

Page 8: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ �

ยกเว้นแต่พระอรหันต์ หลวงปู่พุทธทาสเรียกโรคชนิดนี้ว่า โรคทางวิญญาณ๑

อาการทั่วไปของโรคนี้ ก็คือ โลภอยากได้ไม่รู้จักพอ อิจฉาตาร้อน ไม่อยากให้

คนอื่นดีกว่าตน หลงยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ว่าเป็นตัวกูของกู และความรู้สึก

อื่นๆที่ทำให้ใจร้อนรนกระวนกระวายเศร้าหมอง

สรุปแล้วโรคนั้นมี๓ประเภทด้วยกันคือ

๑อ่านเพิ่มเติมในหนังสือคู่มือมนุษย์ฉบับอ่านง่ายเข้าใจง่าย เล่ม ๓ อุปาทาน ๔ อำนาจของความยึดมั่นจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง

๒. โรคทางจิต หรือ โรคจิต

๓. โรคทางวิญญาณ

(ความทุกข์ใจที่เกิดจากอำนาจกิเลส)

๑. โรคทางกาย

อกหัก ตายดีกว่า

Page 9: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า อาโรคฺยปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภ

อันประเสริฐ๑ ที่พระองค์ตรัสเช่นนั้น ก็เพราะว่า ชีวิตที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

ย่อมเป็นชีวิตที่มีความสุข สามารถทำอะไรๆ ได้อย่างเต็มที่ ทั้งไม่ต้องเป็นทุกข์

กังวลกับอาการเจ็บป่วย ดังนั้น ผู้ที่ไม่มีโรคจึงถือว่าเป็นลาภสูงสุด หากแม้นว่า

มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ตลอดเวลา ชีวิตก็หาความสุข

ไม่ได้ดังคำโฆษณายายี่ห้อหนึ่งที่ว่า“มีเงินแสนเงินล้านก็ไม่มีความหมาย หาก

ร่างกายไม่แข็งแรง”

อนึ่ง ความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก มนุษย์ทุกคนล้วน

ต้องประสบพบเจอกันทั้งนั้น บางคนต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลพอๆ

กับเดินเข้าออกบ้านตัวเอง กินยาพอๆ กับกินขนมขบเคี้ยวเสียอีก ดังนั้น คนที่

เกิดมาแล้วไม่เคยเป็นโรคหรือเจ็บไข้ได้ป่วยเลยจึงเป็นลาภอันประเสริฐยิ่ง แต่ใน

หนึ่งพันจะหาคนที่ไม่เคยป่วยเลยสักคนหนึ่งนั้นยากพอๆ กับสรรหาคนดีเข้า

สภานั่นแหละ

ดังนั้น ท่านที่กำลังป่วยอยู่ก็อย่าเพิ่งท้อใจ หรือหมดกำลังใจ เพราะว่า

อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ป่วยอยู่คนเดียว ยังมีคนอีกมากที่ป่วยเป็นเพื่อนเรา บางคน

อาจจะป่วยร้ายแรงมากกว่าเราด้วยซ้ำไปหากคิดในแง่ดีการที่เราป่วยเป็นโรคนี ้

ก็เป็นบททดสอบหนึ่งให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต เช่นบางคนทำสิ่งไม่ดี

มาตลอด เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็คิดได้ กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ในทางตรงกันข้าม

คนที่ทำความดีมาตลอดแต่เจ็บป่วยลง ก็ได้แง่คิดที่ว่า การเจ็บป่วยครั้งนี้ถือว่า

เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้กรรมเก่าที่เคยทำไว้ในอดีตให้หมดไปเกิดชาติหน้าจะได้

ไม่ต้องเจ็บป่วยเช่นนี้อีก

๑ที่มา:พระไตรปิฎกบาลีภาษาไทยฉบับสยามรัฐเล่มที่๒๕หน้า๔๒

Page 10: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ �

โรคในมุมมองของพุทธศาสนา

ความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้หลายคนมองว่า

เป็นสิ่งเลวร้ายทำลายชีวิตทำลายความสุข

ควรที่จะหนีให้ห่างไกลแต่พระพุทธศาสนา

กลับสอนให้ทำความเข้าใจและตีสนิท

กับความเจ็บไข้ได้ป่วยให้เป็นเหมือน

เพื่อนซี้ที่อย่างไรก็ต้องคบหาสมาคม

ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้

ระลึกถึงความเจ็บป่วยเป็นประจำทุกวันๆ

อย่างต่อเนื่องว่า

“เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้”

การที่พระองค์สอนให้พิจารณาอย่างนี้ ประการที่ ๑ ก็เพื่อให้เห็นหรือ

ยอมรับความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้นแก่ตนเองหรือคนรอบข้างนั้น ว่าเป็นเรื่อง

ธรรมดาที่ทุกคนจะต้องประสบพบเจอ ไม่มีใครหนีพ้นได้ การคิดแบบนี้เป็นการ

เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน หากเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาจริงๆ จิตใจจะได้ไม่ตก

หรือเป็นทุกข์วิตกกังวลจนเกินเหตุ ฝึกจิตให้รู้จักยอมรับกับความเป็นจริง และ

รู้จักปล่อยวาง

ประการที่ ๒ ป้องกันไม่ให้ประมาทในการใช้ชีวิต กล่าวคือ เมื่อนึกถึง

ความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นแก่ตนก็จะทำให้ตื่นตัวในการประกอบกิจการงานที่ยัง

ไม่สำเร็จให้สำเร็จ หรือคุณความดีอันใดที่ยังไม่ได้ทำก็รีบเร่งทำในขณะที่ร่างกาย

แข็งแรงสุขภาพยังดีถ้าหากว่าล้มป่วยลงเมื่อใดก็จะได้ไม่นึกเสียดายภายหลัง

Page 11: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

10 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สาเหตุของการเกิดโรค

ในหนังสือคิริมานนทสูตร พุทธฤทธิ์ พิชิตโรค ได้กล่าวถึงสาเหตุของ

โรคหรือความเจ็บไข้ได้ป่วยเอาไว้๔ประการคือ

๑. อาหารหมายถึงโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน

เช่นรับประทานอาหารไม่ตรงเวลาอาหารมีเชื้อโรค

อาหารรสจัดเช่นเผ็ดเกินไปเค็มเกินไป

หรือรับประทานอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

เช่นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์บุหรี่และสิ่งเสพติดอื่นๆ

๒. อากาศหมายถึงโรคที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของอากาศ

เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออกรวมถึง

สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเช่นอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม

ที่ปล่อยสารพิษสู่อากาศหรือการอยู่ในสถานที่แออัดยัดเยียด

ดังเช่นในสลัมก็เป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆได้เช่นไข้หวัดภูมิแพ้

โรคผิวหนังปอดอักเสบเป็นต้นรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บ

ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติด้วยเช่นภาวะโลกร้อน

๓. อุบัติเหตุ หมายถึงโรคที่เกิดจาก

ความประมาทเผลอสติไม่ทันระมัดระวัง

เช่นรถชนตกบันไดเป็นผลให้สมองพิการ

เป็นอัมพาตอัมพฤกษ์เป็นต้น

๔. ผลแห่งกรรมหมายถึงโรคที่เกิดจากกรรมเก่า

ที่ตนเคยทำไว้ในอดีตตามมาให้ผลพระพุทธเจ้าตรัสว่าการกระทำผิดศีล

ข้อปาณาติบาตคือฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเบียดเบียนสัตว์อื่น

ให้บาดเจ็บเป็นเหตุให้คนอายุสั้นและมีโรคเบียดเบียน

ผู้ที่เบียดเบียนทำลายชีวิตผู้อื่นไว้มากย่อมมีโรคมาก

ผู้เบียดเบียนน้อยย่อมมีโรคน้อย

เผ่นดีกว่า...

Page 12: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 11

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนอกจาก๔ข้อที่กล่าวมาแล้วยังมีสาเหตุที่อยาก

นำมาเสนอให้รู้จักอีก๒ประการคือ

๕. โรคที่เกิดจากอำนาจคุณไสย หรืออำนาจของสิ่งลี้ลับบางอย่าง

ยกตัวอย่างน้องชายของข้าพเจ้าเองไปบนบานกับศาลเจ้าปู่ที่ไร่ไว้ว่าถ้าถูกหวย

จะเลี้ยงสุราและอาหารเป็นการตอบแทน แต่เมื่อถูกหวยแล้วกลับลืม ผ่านไปได้

ระยะหนึ่งก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงไปที่โรงพยาบาลคุณหมอก็ตรวจไม่พบ

สาเหตุ ปวดมากจนเกิดอาการละเมอเพ้อพก จนมารู้ภายหลังว่าไปบนไว้กับเจ้าปู่

พ่อกับแม่จึงพากันไปเลี้ยงสุราอาหารเพื่อแก้บน เท่านั้นอาการที่ปวดหัวก็หายไป

ทันทีข้อนี้อาจยังเป็นที่กังขาสำหรับบางท่านว่าโรคที่เกิดจากอำนาจคุณไสยหรือ

ผีเจ้าเข้าสิงจะมีจริงหรือไม่ แต่สำหรับบางท่านที่เคยสัมผัสหรือมีประสบการณ์

กับเรื่องนี้มาก่อนย่อมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่ามีอยู่จริง

๖. โรคที่เกิดจากกรรมเชิงโครงสร้าง คือ โรคที่เกิดจากการกระทำ

ผิดกฎธรรมชาติของคนหมู่มาก ยกตัวอย่างเช่น ธรรมชาติสร้างให้ชายกับหญิง

มีเพศสัมพันธ์เพื่อสืบพันธุ์มีลูกมีหลาน

แต่ในปัจจุบันมนุษย์ส่วนมากเสพกามเพื่อความสนุก

ระบายความใคร่หญิงที่ขายบริการก็เสพกามเพื่อเงิน

และในคนบางกลุ่มมีการเสพกามที่วิปริตวิตถาร

ผิดศีลธรรมบางครั้งไม่แตกต่างจากสัตว์ดิรัจฉาน

เพราะมนุษย์เสพกามอย่างลุ่มหลง

ไม่ตรงตามกฎธรรมชาติจึงส่งผลให้เกิดโทษ

คือโรคเอดส์โรคติดต่อร้ายแรงและยังไม่มีทางรักษา

ไม่เฉพาะแต่เท่านี้พืชผักผลไม้ตลอดถึง

เนื้อสัตว์ต่างๆที่ปลูกหรือเลี้ยงด้วยสารเคมี

สารเร่งโตจัดว่าเป็นสิ่งผิดธรรมชาติ

และส่งผลให้คนป่วยเป็นโรคต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ

สำส่อน บ่อนเกิดเอดส์

Page 13: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

12 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

วิธีป้องกันและรับมือกับการป่วย

ความเจ็บไข้ได้ป่วย เปรียบเหมือนของแจกฟรีที่เราไม่ต้องการ แต่

ธรรมชาติก็มอบให้มาด้วยความเต็มใจ ซึ่งของแจกฟรีนี้ต่างได้รับทุกคนโดย

ทั่วหน้ากัน จะต่างกันบ้างก็แต่ว่า ใครจะได้รับเมื่อไร อย่างไร มากน้อยแค่ไหน

และบ่อยครั้งหรือนานๆ ที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่สุขภาพของแต่ละคน

กล่าวคือผู้ที่ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจดีย่อมมีภูมิต้านทานโรคที่ดีและเจ็บไข้

ได้ป่วยน้อย ไม่รุนแรง รักษาให้หายขาดได้เร็ว ต่างจากผู้ที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ดูแล

สุขภาพจะเจ็บป่วยบ่อยแต่ละครั้งก็หนักและรักษาให้หายได้ยาก

การดูแลสุขภาพจึงมีความสำคัญเป็นวิธีป้องกันโรคและเป็นการเตรียมตัว

รับมือกับการป่วยที่ดีที่สุด ซึ่งการดูแลสุขภาพนี้แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือการดูแล

สุขภาพทางร่างกายอย่างหนึ่ง และการดูแลสุขภาพทางด้านจิตใจอย่างหนึ่ง

ซึ่งทั้ง๒อย่างนี้ต้องทำควบคู่กันไปจึงจะเกิดประสิทธิผล

๑. การดูแลสุขภาพกาย

อาจจำแนกออกเป็นข้อๆได้ดังนี้

๑) ใส่ใจอาหาร คือเลือก

รับประทานอาหารที่สะอาด

มีประโยชน์ถูกสุขอนามัย

กินอาหารให้ตรงเวลาหลีกเลี่ยง

อาหารรสจัดและอาหารขยะ

คืออาหารประเภทกึ่งสำเร็จรูป

เช่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นต้นรวมถึง

เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ทั้งหลายด้วย

เลือกกินอาหาร ที่มีประโยชน์ จะทำให้แข็งแรง เหมือนปู่นะ

Page 14: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 13

๒) ใส่ใจอากาศ คือหาเวลาพักผ่อนหย่อนใจตามสวนสาธารณะหรือ

ต่างจังหวัดเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงการสูดดมมลพิษ เพราะโดยเฉลี่ย

แล้วคนที่อยู่กับธรรมชาติจะมีสุขภาพดี ป่วยน้อย และมีอายุยืนมากกว่าคนใน

เมืองกรุงดังนั้นอากาศสภาพแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ

๓) ใส่ใจออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้ร่างกาย

แข็งแรง กระฉับกระเฉง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย คนที่ไม่ค่อยออกกำลังร่างกาย

มักอ่อนแอมีภูมิต้านทานน้อยเช่นบางคนอากาศเปลี่ยนนิดหน่อยก็เริ่มมีอาการ

เป็นหวัดแล้วตามสถิติของโรงพยาบาลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาส่วนมากเกิดจาก

การกินเป็นอันดับหนึ่งรองลงมาคือผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายและสำหรับท่าน

ที่ไม่มีเวลาก็ควรหากิจกรรมเล็กๆน้อยๆทำให้ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสายบ้างเช่น

เดินขึ้นบันไดในที่ทำงานแทนการใช้ลิฟต์ เดินแทนการนั่งรถถ้าระยะทางไม่ไกลนัก

หรือใช้วิธีเกร็งกล้ามเนื้อแขนขาขณะทำงานหรือก่อนอาบน้ำเป็นต้น

๔) ใส่ใจการนอนนอกจากอาหารอากาศและการออกกำลังกายแล้ว

ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ช่วยให้ห่างไกลโรค

คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

คือควรให้ได้อย่างน้อยคืนละ ๘ ชั่วโมง

เวลา ๓ ทุ่มถึงตี ๕ เป็นเวลาที่เหมาะที่สุด

สำหรับการนอนผู้ที่นอนหลับพักผ่อนเต็มที่

จะทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

สมองปลอดโปร่งและช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยได้ด้วย

แต่ไม่ควรนอนกลางวันสำหรับท่านที่นอนไม่หลับหรือหลับยาก

มีผู้แนะนำให้หาหินก้อนกลมมากำไว้ในมือแน่นๆ แล้วคลายออก ๕ - ๑๐ ครั้ง

จะช่วยให้สมองคลายเครียดและหลับสบาย หรือให้รับประทานน้ำตาลทราย

แดง ๒ ช้อนก่อนนอนจะทำให้หลับเร็วขึ้นแต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็น

โรคเบาหวาน

Page 15: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

14 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

ในหนังสือนาฬิกาชีวิต เขียนโดย อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา

ได้กล่าวไว้ว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเรา ทำหน้าที่ในเวลา

ที่แตกต่างกันถ้าหากเรารู้ว่าช่วงเวลาใดอวัยวะส่วนไหนทำหน้าที่

อะไรและควรที่จะปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้อวัยวะส่วนนั้นๆทำหน้าที่ได้สะดวก

หรือหยุดพัก จะช่วยป้องกันโรคและทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ต้านทาน

โรคได้ดีซึ่งข้อปฏิบัติดังกล่าวพอสรุปออกมาเป็นตารางได้ดังนี้

เวลา อวัยวะที่ทำงาน ข้อควรปฏิบัต ิ๐๕.๐๐-๐๗.๐๐ ลำไส้ใหญ่ ขับถ่าย

๐๗.๐๐-๐๙.๐๐ กระเพาะ รับประทานอาหารเช้า

๐๘.๐๐ เลือดเข้มข้น ทำสมาธิฟังเพลงไม่เครียด

๐๙.๐๐ สมองส่วนความจำ เหมาะสำหรับการทำงานท่องจำ

๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ ระบบไหลเวียนโลหิต,ม้าม ลุยงานห้ามนอน

๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ กระเพาะพร้อมทำงาน รับประทานอาหารเที่ยง

๑๔.๐๐ สมองซีกศิลปะ คิดงานสร้างสรรค์งานอดิเรก

๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ ลำไส้เล็ก งดกินอาหารทุกชนิด

๑๕.๐๐-๑๗.๐๐ กระเพาะปัสสาวะ ออกกำลังกายทำให้เหงื่อออก

การไหลเวียนโลหิตดี หากกลั้นปัสสาวะจะทำให้เหงื่อเหม็น

๑๗.๐๐-๑๙.๐๐ ไต ควรทำตัวให้สดชื่น,อาบน้ำอุ่น

๑๙.๐๐-๒๑.๐๐ เยื่อหุ้มหัวใจ ควรสวดมนต์ทำสมาธิทำใจสงบ

๒๒.๐๐-๒๓.๐๐ อุณหภูมิร่างกายต่ำ นอนพักผ่อนทำร่างกายให้อบอุ่น

๒๓.๐๐-๐๑.๐๐ ถุงน้ำดีทำงาน ควรดื่มน้ำก่อน๒๓.๐๐น.

๐๑.๐๐-๐๓.๐๐ ตับ ควรหลับพักผ่อนงดการกิน

๐๓.๐๐-๐๕.๐๐ ปอด ตื่นขึ้นมาสูดอากาศตอนเช้า

Page 16: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 15

๒. การดูแลสุขภาพทางใจ

การดูแลสุขภาพทางใจนี้ ตามหลักพระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

มากจะถือว่าสำคัญกว่าร่างกายก็ว่าได้เพราะพระพุทธศาสนาถือว่าใจเป็นสิ่งที่มี

อำนาจสูงสุดเหนือร่างกาย คนที่มีสุขภาพจิตดี แจ่มใส เบิกบาน มีกิเลส คือ

ความโลภ โกรธ หลงน้อย มีกำลังใจที่ดี คิดในแง่ดี มีจิตเมตตาต่อผู้อื่นอยู่เสมอ

จะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่นกระฉับกระเฉงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บการ

หมั่นดูแลสุขภาพจิตจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งมีหลากหลายวิธีด้วยกัน

อาทิเช่น

๑. ยิ้มให้กับตนเองตื่นนอนก่อนลุกจากที่นอน

สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ

ยิ้มที่มุมปากนิดๆแล้วบอกกับตัวเองว่า

“วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน

ไปเรียนหรือทำสิ่งที่ดีๆสำหรับตนเอง”

สัญญากับตนเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่โกรธ

ไม่เครียดจะมีสติรักษาใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ

๒. หัวเราะให้ได้วันละ ๕ ครั้งการหัวเราะเป็นยาอายุวัฒนะ

ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถช่วยชะลอความแก่

รักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้ได้นาน

โดยไม่ต้องพึ่งพาหมอศัลยกรรม

จะหัวเราะกับเพื่อนหรือแอบหัวเราะคนเดียวก็ได้ทั้งนั้น

ไม่ผิดกติกามีภาษิตบทหนึ่งเขาบอกว่า

หัวเราะหนึ่งครั้ง อายุยืนห้านาที

นี้คือความมหัศจรรย์ของการหัวเราะ

ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส

หัวเราะ ทุกวัน อายุยืน นะจ๊ะ

Page 17: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

1� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

๓. สวดมนต์วันละ ๕ นาทีก่อนนอน๑การตั้งใจสวดมนต์

ด้วยการเปล่งเสียงเบาๆเป็นจังหวะช่วยให้จิตสงบ

เป็นสมาธิไม่ฟุ้งซ่านคลายอาการเครียดจากเรื่องต่างๆได้ดี

การเปล่งเสียงสวดมนต์แต่ละครั้งยังช่วยให้ปอดได้ทำงาน

ส่งผลให้สุขภาพร่างกายดีตามไปด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน

จะช่วยให้หลับง่ายฝันดีพักผ่อนได้เต็มที่

๔. ทำสมาธิ การทำสมาธิก็คือ

การเอาจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ตามที่กำหนด๕-๑๐นาทีหรือมากกว่านี้

มีหลากหลายรูปแบบด้วยกันเช่น

๔.๑) การตั้งใจกำหนดดูลมหายใจของตัวเองขณะหายใจเข้า-ออก,

หายใจเข้าก็ให้รู้ว่าหายใจเข้า, หายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก, หรือจะกล่าวคำ

บริกรรมในใจกำกับด้วยก็ได้ เช่นหายใจเข้ากำหนดว่าพุท, หายใจออกกำหนด

ว่า โธ เป็นต้น กำหนดอย่างนี้ติดต่อกันไปเรื่อยๆ พยายามอย่าให้จิตวอกแวก

ออกไปที่อื่นหากเผลอไปคิดเรื่องอื่น เมื่อรู้ตัวให้ดึงจิตมากำหนดที่ลมหายใจเข้า-

ออกเหมือนเดิม

๔.๒)หากไม่กำหนดพุทโธจะใช้วิธีการนับก็ได้

เช่นหายใจเข้านับ๑หายใจออกนับ๑,

หายใจเข้านับ๒หายใจออกนับ๒,

เข้า๓ออก๓,เรื่อยไปจนถึงเข้า๑๐ออก๑๐,

แล้วกลับมานับเข้า๑ออก๑ใหม่อย่างนี้ก็ได้

๑ดูบทสวดมนต์ในเล่มหน้า ๖๗ ผู้ที่สนใจ VCD สวดมนต์กล่อมนอน ติดต่อสอบถามได้ที่โทรศัพท์๐๒-๘๗๒-๗๒๒๗,หรือWWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.COM

อะระหัง สัมมา...

๑ ๑

Page 18: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 1�

๔.๓) หรือจะทำสมาธิด้วยการนอนก็ได้ โดยนอนหงายราบกับพื้น

มือทั้งสองข้างวางแนบลำตัว หลับตา ผ่อนคลายร่างกายทุกส่วน จากนั้นให้

จินตนาการว่าตัวเองเป็นก้อนหินที่กำลังค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ก้นทะเล ลึกลงไปๆ

อย่างช้าๆ จนสัมผัสกับพื้นดิน จินตนาการว่าตัวเรากำลังล่องลอยไปกับสายน้ำ

อย่างแผ่วเบา ที่สุดร่างกายก็ค่อยสลายกลายเป็นสายน้ำ ล่องลอยไป ไม่เหลือ

ตัวตนว่างเปล่าการทำสมาธิอย่างนี้จะช่วยให้หายเครียดได้ดี

๔.๔) ถ้าทำทั้ง๓ข้อแล้วไม่ได้ผลจะทำสมาธิด้วยการจดจำสิ่งของ

ก็ได้วิธีนี้เป็นวิธีที่สนุกและไม่น่าเบื่อมีประโยชน์ด้านจิตใจและสมาธิสูงเบื้องต้น

ให้จดรายชื่อสิ่งของลงกระดาษสัก๑๐อย่างอะไรก็ได้เช่นดินสอ กะหล่ำดอก

พัดลม โทรศัพท์มือถือ มะม่วง แหวน ข้าวโพด ทีวี บุหรี่ รถยนต์ เสร็จแล้ว

ให้เริ่มหลับตาแล้วจินตนาการภาพดินสอแท่งใหญ่มีแขนขา หน้าตาตลก กำลัง

วางกะหล่ำดอกสีขาวไว้บนหัว เมื่อมองลงไปในดอกกะหล่ำ ปรากฏว่ามีพัดลม

หลายร้อยตัวกำลังพากันวิ่งไล่จับโทรศัพท์สีดำขนาดยักษ์ที่มีปุ่มกดทำด้วยมะม่วง

เมื่อยกมะม่วงออกก็มีแหวนเป็นหมื่นเป็นพันไหลออกมากองรวมกันเป็นข้าวโพด

ฝักเท่าภูเขา ซึ่งข้าวโพดนี้แปลกมีลูกกะตาเป็นจอทีวีขนาดใหญ่ และเมื่อมอง

เข้าไปในจอทีวีก็มีบุหรี่หลายพันมวนกระโดดออกมา แล้ววิ่งขึ้นไปนั่งบนรถยนต์

แล้วขับหนีไป

จากนั้นให้ทบทวนอีกครั้งตั้งแต่ดินสอแท่งโตมีกะหล่ำดอกบนศีรษะ

ในดอกกะหล่ำเต็มไปด้วยพัดลมหลายพันตัว ที่กรูกันเข้าจับโทรศัพท์มือถือสีดำ

ที่มีปุ่มกดเป็นมะม่วงและเมื่อยกมะม่วงขึ้นก็มีแหวนพรั่งพรูออกมาวิ่งไปรวมกัน

เป็นรูปข้าวโพดขนาดยักษ์ ข้าวโพดที่ว่านี้มีดวงตาเป็นทีวี เมื่อเปิดทีวีขึ้นก็มีบุหรี่

ไหลออกมาวิ่งไปขึ้นรถขับหนีไป

การสร้างเรื่องเพื่อจำสิ่งของแบบนี้เคล็ดลับคือ

ต้องสร้างภาพให้เกินจริงเข้าไว้เช่นมีขนาดเกินจริง

หรือทำสิ่งที่ไม่มีชีวิตให้มีชีวิตเป็นต้น

การทำสมาธิอย่างนี้จะช่วยให้สนุกและคลายเครียดได้ดี

ลองทำดู นะครับ

Page 19: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

1� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

จะทำอย่างไรเมื่อเจ็บป่วย

ผู้คนส่วนใหญ่ แม้จะรู้ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ยาก

ที่จะทำใจให้ยอมรับได้ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับร้ายแรง

เช่น เป็นไข้หวัดธรรมดาก็คงไม่เดือดร้อนใจอะไรมากนัก แต่ถ้าเป็นโรคที่หนัก

และต้องอาศัยเวลาในการรักษาหรือป่วยเป็นโรคร้ายแรงถึงขั้นรักษาไม่หาย ยังไง

ก็ไม่รอดแน่ ตายสถานเดียว ถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เคยเตรียมตัว

เตรียมใจมาก่อนก็ยากที่จะทำใจให้ยอมรับได้และทำให้สูญเสียกำลังใจจนหมดสิ้น

เมื่อสูญเสียกำลังใจ จิตใจก็ห่อเหี่ยว เป็นทุกข์ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ป่วยหนักขึ้น

และตายเร็วขึ้นดังนั้นข้อปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยคือ

๑. รักษากำลังใจอย่าให้ตก

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามนุษย์นั้นประกอบขึ้น

ด้วยส่วนสำคัญ๒ประการคือ๑. ร่างกาย ๒. จิตใจ

ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีความสัมพันธ์กัน

และระหว่างกายกับใจพระพุทธเจ้าตรัสว่า

ใจสำคัญที่สุดคนทั่วไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเจ็บป่วย

มักเกิดความกังวล และสูญเสียความเบิกบานสำราญใจ ห่อเหี่ยวหดหู่ ยิ่งถ้าเกิด

อาการป่วยหนัก ความทุกข์กังวลก็จะทวีคูณเพิ่มมากขึ้น เพราะโดยธรรมชาติ

ของคนที่ป่วยมักจะเกิดความน้อยใจในความโชคร้ายของตน ทำให้เกิดความ

ว้าเหว่ใจ กำลังใจเริ่มตก คนป่วยที่กำลังใจตก แม้ป่วยน้อยก็จะกลายเป็นหนัก

ถ้าป่วยหนักก็จะทรุดเร็วยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้น อันดับแรกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วยหรือป่วยแล้ว ไม่ว่า

จะหนักหรือเบา จะต้องรักษากำลังใจให้เข้มแข็ง อย่าให้กำลังใจตก มีเพื่อน

คนหนึ่งเคยบอกกับผู้เขียนว่าหลายครั้งที่เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะป่วยเขาจะบอก

ป่วยกาย ใจไม่ป่วย

Page 20: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 1�

กับตัวเองเสมอว่า “ไม่ป่วย เราต้องไม่ป่วย เราต้องไม่อ่อนแอ ต้องเอาชนะมัน

ให้ได้” จากนั้นก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ให้กายและใจอ่อนแอ เมื่อทำ

เช่นนั้นแล้วอาการที่จะเริ่มป่วยของเขาก็หายไป

การรักษาใจของตนไม่ให้ป่วยตามร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

ที่ผู้ป่วยจะต้องรักษาหรือสร้างให้เกิดมีขึ้น เพราะหากผู้ป่วยมีกำลังใจที่เข้มแข็ง

แล้วโอกาสที่จะหายจากโรคก็มีมากกว่าครึ่งและหายได้เร็วอีกด้วยอนึ่งผู้ที่ดูแล

คนป่วยหรือคนใกล้ชิดก็ควรเอาใจใส่ในจุดนี้ คือต้องพยายามพูดหรือทำในสิ่งที่

สร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ ไม่ท้อแท้อ่อนแอ และมีแรงที่จะต่อสู้กับโรคที่

เป็นอยู่ ถ้าทำได้เชื่อเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคอะไร ก็จะรักษาให้หายได้

ไม่ยาก

๒. ทำใจให้ยอมรับกับความจริง

ผู้ป่วยที่เป็นโรคแล้วรักษา

ให้หายได้ยาก นอกจากมีกำลังใจ

ที่อ่อนแอแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ

ยอมรับอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น

กับตนเองไม่ได้ จากที่เคยสุขภาพ

แข็งแรง อยากจะทำอะไรก็ทำได้

อยากไปไหนก็ได้ไป กลับต้องมา

นอนซมอยู่กับที่อ่อนเพลียปวดหัว

ตัวร้อนทำอะไรก็ไม่ได้และอยากหายเร็วๆจึงทำให้หงุดหงิดใจอีกอย่างก็กังวล

เกรงว่าโรคที่เป็นอยู่จะรักษาไม่หาย กลัวว่าตัวเองจะตาย บ้างก็รู้สึกน้อยใจว่า

เหตุใดจึงโชคร้ายอย่างนี้ พลันเกิดคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา ถึงกับคิดฆ่าตัวตาย

ก็มี

Page 21: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

20 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

แต่ถ้าเรายอมรับหรือเปิดใจให้กว้าง มองไปรอบๆ ตัว เราก็จะเห็นว่า

มีคนอีกมากมายที่เจ็บป่วยเหมือนกับเรา ใช่จะมีแต่เราคนเดียวซะเมื่อไร บางคน

โชคร้ายมากกว่าเรา เป็นโรคที่ร้ายแรงกว่าเราก็มีอยู่มาก ความเจ็บไข้เป็นเรื่อง

ธรรมดาของโลก แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราชามหากษัตริย์

ไพร่หรืออำมาตย์ เศรษฐีมีเงิน หรือยาจกขอทาน ต่างก็เจ็บป่วยด้วยกันทั้งนั้น

มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวและไม่ใช่ความโชคดีโชคร้ายอะไร

และหากคิดให้ดีความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ก็ใช่จะมีแต่ข้อเสียอย่างเดียว

ข้อดีก็มีเยอะแยะไป ถ้าหากเราหัดมองในแง่ดี อาทิคิดว่า ความเจ็บป่วยที่มา

รุมเร้าในคราวนี้ เป็นบททดสอบความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของเรา ซึ่งถ้าผ่าน

จุดนี้ไปได้ก็จะทำให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น หรือคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้

ชดใช้กรรมอันเก่าที่เราได้เคยสร้างไว้ให้หมดไปในชาตินี้ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้อง

เจ็บป่วยทุกข์ทรมานอย่างนี้อีก

บางคนถือโอกาสที่เจ็บป่วยนี้สั่งสมความดีให้กับตนเอง เช่น สวดมนต์

ทำสมาธิภาวนารักษาศีลเป็นต้นเพราะตอนที่ไม่ป่วยมีแต่ทำงานจะหาโอกาส

ทำความดีเหล่านี้ยาก เมื่อเจ็บป่วยมีเวลาว่างเยอะ ก็ถือเอาเวลานี้มาทำความดี

ให้กับตนเอง คิดในแง่ดีอย่างนี้จะทำให้เราเห็นความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ยอมรับได้

ไม่น่ากลัวอีกต่อไป เมื่อทำใจให้ยอมรับได้แล้วก็ขจัดความทุกข์กังวลใจไปได้มาก

เมื่อใจมีทุกข์กังวลน้อยโอกาสที่จะรักษาโรคให้หายก็มีมากขึ้น

พระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโชป.ธ.๙,ราชบัณฑิต)

กล่าวไว้ว่า “บางครั้งตัวทุกข์มันมีอย่างเดียว แต่คนก็ไปเพิ่มทุกข์ที่ไม่จำเป็นอีก

มากมายทำให้ทุกข์เพิ่มขึ้นเช่นเจ็บป่วยขึ้นมาตัวทุกข์จริงๆคือป่วยแต่บางคน

ก็เลยเถิด ป่วยก็ป่วย ยังคิดต่อไปอีกว่า หมอไม่เอาใจใส่ ยาไม่ดีทำให้หายช้า

พยาบาลไม่ดูแลลูกผัวเพื่อนฝูงไม่มาเยี่ยมคิดเรื่อยเปื่อย

ความจริงทุกข์มันมีอยู่อย่างเดียวคือป่วยนอกนั้นเป็นทุกข์นอกรายการ

ที่เจ้าตัวเชิญมาทั้งนั้น เป็นทุกข์โดยไม่จำเป็นเลย ทุกข์ประเภทหลังนี้หมอรักษา

ไม่ได้เจ้าตัวต้องจัดการเชิญออกไปเอง”

Page 22: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 21

๓. เข้าพบแพทย์

พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงลักษณะของคนไข้ไว้ในคิลานสูตร พระไตรปิฎก

ภาษาไทยฉบับสยามรัฐเล่มที่๒๐หน้า๑๑๕ว่ามี๓ประเภทคือ

๑) คนไข้บางคนในโลกนี้ ได้โภชนะที่สบายหรือไม่ได้ก็ตาม ได้เภสัช

ที่สบายหรือไม่ได้ก็ตาม ได้อุปัฏฐากที่สมควรหรือไม่สมควรก็ตาม ย่อมไม่หาย

จากอาพาธนั้นได้เลย

๒) คนไข้บางคนในโลกนี้ได้โภชนะ

ที่สบายหรือไม่ได้ก็ตามได้เภสัชที่สบาย

หรือไม่ได้ก็ตามได้อุปัฏฐากที่สมควร

หรือไม่สมควรก็ตามย่อมหายจากอาพาธนั้นได้

๓) คนไข้บางคนในโลกนี้ได้โภชนะ

ที่สบายจึงหายเมื่อไม่ได้ไม่หายได้เภสัชที่สบายจึงหาย

เมื่อไม่ได้ไม่หายเมื่อได้อุปัฏฐากที่สมควรจึงหายเมื่อไม่ได้ไม่หาย

ประเภทที่ ๑ พระพุทธเจ้าตรัสหมายถึง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ซึ่ง

ไม่ว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม หรือไม่ทำการรักษาก็ตาม ก็ไม่มีทางจะ

รักษาให้หายขาดได้เช่นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย, โรคเอดส์ เป็นต้น

ประเภทที่ ๒ พระพุทธเจ้าตรัสหมายถึง โรคที่เป็นจะรักษาก็หาย

ไม่รักษาก็หาย คือสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ เช่น โรคอีสุกอีใส ซึ่งเป็น

โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งจะเกิดกับเด็กเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเกิดแล้วโดยมาก

จะหายได้เองภายใน ๑-๓ สัปดาห์ และเมื่อเป็นแล้วจะมีภูมิต้านทานตลอดชีวิต

ไม่ป่วยซ้ำอีก(เด็กที่เป็นอีสุกอีใสควรตัดเล็บให้สั้นป้องกันการเกาตุ่มซึ่งจะกลาย

เป็นแผลภายหลังได้)๑, โรคไมเกรน, โรคไข้หวัดธรรมดา, โรคผิวหนังบางชนิด

เป็นต้น

๑ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป๒โดยนพ.สุรเกียรติอาชานุภาพ:หมอชาวบ้าน

กาย หมอรักษา ใจ ต้องรักษาเองนะ

Page 23: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

22 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

ประเภทที่ ๓ พระพุทธเจ้าตรัสหมายถึง โรคที่เกิดขึ้นแล้วต้องทำการ

รักษาเท่านั้นจึงหาย ถ้าไม่รักษาไม่หาย ต้องอาศัยการรักษาจากแพทย์ หรือ

ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะหาย เช่น ไส้ติ่งอักเสบ, ไข้หวัด 2009, วัณโรค,

โรคนิ่วเป็นต้น

ในปัจจุบัน ตามปกติแล้วไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคประเภทใดใน ๓ ข้อนั้น

ก็มักจะหันหน้าพึ่งคุณหมอทันที เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยและทำการรักษาให้

เพราะคนโดยมากไม่รู้ว่าโรคไหนสามารถหายได้เอง หรือต้องทำการรักษาจึงหาย

ทางที่ดีก็มาหาหมอก่อนเพื่อความมั่นใจ แต่การเข้าพบแพทย์ก็ใช่ว่าจะรักษา

ให้หายได้ทุกครั้ง เพราะบางครั้งคุณหมอก็วินิจฉัยโรคผิดและให้ยาผิดก็มี ทั้งนี้

ทั้งนั้นการรักษาโรคผู้ป่วยต้องช่วยคุณหมอด้วย

พระพุทธเจ้าได้ทรงวางหลักของผู้ป่วยที่ควรปฏิบัติเมื่อเข้าพบแพทย์ไว้

๕ประการดังนี้คือ

๑) เล่าอาการป่วยให้หมอฟังตามความเป็นจริง โดยไม่ปิดบัง การ

บอกเล่าอาการให้หมอฟังยิ่งละเอียดมากเท่าไร ก็จะช่วยให้คุณหมอวินิจฉัยโรค

ได้ง่ายและแม่นยำขึ้นมีผลทำให้การรักษาถูกต้องและได้ผลเร็ว

๒) เชื่อฟังคำแนะนำของหมอ คนไข้เมื่อไปหาคุณหมอแล้ว ต้องมอบ

ความไว้วางใจให้กับหมอ สิ่งใดที่หมอห้ามหรือแนะนำให้ทำต้องปฏิบัติตามอย่าง

เคร่งครัด ไม่ดื้อ เพราะต่อให้หมอเก่งแค่ไหนหากผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ

โรคร้ายก็ไม่มีทางหาย เช่น บางคนกลัวเข็มฉีดยา คุณหมอจะฉีดยาให้ ก็ดื้อดึง

ไม่ยอมฉีดเป็นต้น

๓) อดทนต่อการรักษาคือไม่แสดงอาการอ่อนแอโอดครวญจนเกินไป

ไม่เอะอะโวยวายจนก่อความรำคาญแก่หมอและคนไข้อื่นๆ

๔) กินยาตามแพทย์สั่ง คือ ต้องสำรวจดูให้ดีว่า ยาที่ได้มานั้น หมอ

กำหนดให้รับประทานเวลาใด ก่อนหรือหลังอาหาร และรับประทานในปริมาณ

เท่าไร เพราะการรับประทานยาไม่ตรงตามที่แพทย์สั่ง นอกจากโรคไม่หายแล้ว

อาจส่งผลร้ายต่อตัวเองอีกด้วยเช่นมีเรื่องเล่าขำๆว่ามีคนไข้คนหนึ่งไปหาหมอ

Page 24: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 23

คุณหมอตรวจอาการและจัดยาให้ แนะนำให้กินก่อนนอน และนัดดูอาการอีก

๗ วัน แต่ปรากฏว่าไม่ถึง ๒ วัน คนไข้มาขอยาเพิ่ม คุณหมอสงสัยจึงถามว่า

กินยาตามที่หมอสั่งหรือเปล่าคนไข้ตอบว่ากินตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัดไม่ว่า

ผมจะนอนดูทีวีนอนพักผ่อนนอนเล่นผมกินยาก่อนตลอดคือแกเข้าใจผิดคิดว่า

กินก่อนนอนนั้นหมายถึงจะนอนเมื่อไรก็กินเมื่อนั้น แต่ความหมายของหมอคือ

กินก่อนเข้านอนต่างหาก ดังนั้น เมื่อรับยาควรสอบถามหมอให้แน่ใจก่อน จะได้

ไม่ผิดพลาดเหมือนคนไข้คนดังกล่าว

๕) ให้ระวังของแสลงโรค คนที่ชอบตามใจปาก เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยต้อง

ทำใจหน่อยที่ต้องงดของชอบบางอย่างที่แสลงต่อโรค เช่น ท่านที่เป็นโรคเกาต์

หมอจะห้ามกินสัตว์ปีกทุกชนิดเพราะจะส่งผลให้โรคกำเริบหนักขึ้นโดยเฉพาะ

โรคเบาหวานจะมีข้อห้ามเกี่ยวกับของแสลงมากมายดังนั้น เมื่อคุณหมอแนะนำ

หรือห้ามบริโภคอะไรที่เป็นของแสลงก็ควรหลีกเลี่ยงไม่บริโภคสิ่งนั้น เพราะถ้า

ไม่ระวังในเรื่องของแสลงแล้วอาจทำให้โรคกำเริบหนักขึ้นและรักษาให้หายขาด

ได้ยากขึ้น

๔. ใช้พุทธวิธีในการรักษาโรค

ในการรักษาโรคนั้น นอกจากจะต้องอาศัยคุณหมอตามคลินิก หรือ

โรงพยาบาลแล้ว ยังมีวิธีรักษาอย่างอื่นอีกที่อยากจะนำเสนอ ซึ่งเป็นวิธีรักษา

ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลมาแล้วในยุคของพระพุทธเจ้า และ

มีหลักฐานปรากฏในพระไตรปิฎก

โรคหรือความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

มาจากกรรมที่ตนได้สร้างมาแต่อดีต ด้วยการเบียดเบียน ทำร้าย หรือฆ่าสัตว์

ตัดชีวิตผู้อื่นมาก่อนผู้ที่ทำร้ายผู้อื่นมามากด้วยความโหดร้ายทารุณ กรรมย่อม

ส่งผลให้เจ็บป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างหนัก ผู้ที่

ทำร้ายผู้อื่น สัตว์อื่นมาน้อย กรรมย่อมส่งผลให้เจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ และ

รักษาให้หายขาดได้ง่าย

Page 25: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

24 สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

โรคที่เกิดจากกรรม มักเป็นโรคที่แปลกประหลาด และรักษาไม่หาย

ด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ที่เป็นอย่างแสนสาหัส

ยกตัวอย่างเช่น

๔.๑) โรคกรรมของพระติสสะ

เมื่อครั้งพระพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่าติสสะป่วยเป็นโรคประหลาด

มีตุ่มคล้ายฝีผุดขึ้นตามร่างกาย ขยายโตขึ้นและแตกออก มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม

และส่งกลิ่นเหม็นอย่างแรงแรกๆก็มีขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวแล้วค่อยโตขึ้นขนาด

เท่าเม็ดถั่วดำ จนขนาดเท่ามะตูม แตกออกเป็นแผลเหวอะหวะ ต่อมากระดูก

ภายในร่างกายของท่านก็ผุหักเป็นท่อน ได้รับทุกขเวทนาอย่างหนักพระพุทธเจ้า

ตรัสอดีตกรรมของท่านว่า เมื่ออดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นนายพรานนก ไล่จับนก

มาขายวันละหลายร้อยตัว วันไหนขายไม่หมดก็จะจับหักขา หักปีก ขังแออัดไว้

ในกรง ตัวใดที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็ตายไปเป็นจำนวนมากและถูกนำไปทิ้ง

รวมกันจนเน่าเหม็นเขาทำอยู่อย่างนี้ต่อเนื่องหลายปีด้วยอำนาจแห่งกรรมที่ทำ

ส่งผลให้ท่านไปตกนรกอเวจีนานนับร้อยปี

ครั้นพ้นจากนรกเกิดเป็นมนุษย์บวชในพระพุทธศาสนา

ด้วยเศษกรรมที่ท่านทำไว้ยังไม่หมด

จึงตามส่งผลให้ท่านป่วยด้วยโรคประหลาดดังกล่าว

โรคกรรม ของข้าพระองค์

มีทางรักษาหรือไม่ พระเจ้าข้า

มีสิ ต้องใช้กรรมดี

รักษา

Page 26: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

25

๔.๒) โรคกรรมของพระธรรมสิงหบุราจารย ์

อีกเรื่องหนึ่ง เป็นประสบการณ์กรรมของ พระธรรมสิงหบุราจารย์

(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวันจ.สิงห์บุรี เล่าไว้ในหนังสือกฎแห่งกรรม

วิปัสสนาสื่อวิญญาณ ตอนที่ ๓ สมัยที่ยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระภาวนาวิสุทธิคุณ

ว่า เมื่อสมัยที่ท่านบวชเป็นภิกษุพรรษาแรก สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี ๓ วันดี

๔ วันไข้ บางวันถึงกับหน้ามืดเป็นลมไปก็มี เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช

หมอบอกเป็นโรคลำไส้อักเสบต้องทำการผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่เสียออกหลายฟุต

และต้องทำเป็นการด่วน ไม่อย่างนั้นไม่รอดแน่ แต่ท่านไม่ยอมผ่าตัด แอบหนี

กลับวัดมานอนทรมานในโบสถ์จังหวะนั้นมหาเทียบทองบุญนาคอดีตเปรียญ

ธรรม๖ประโยคซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาขณะนั้นได้ปรุงยาพิเศษให้กิน

เมื่อฉันเข้าไปแล้วก็เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงถึงกับสลบไป๓ ชั่วโมง พอฟื้น

ขึ้นมาก็รู้สึกดีขึ้น หลังจากนั้นอาการของท่านก็ค่อยๆ ดีขึ้น และหายไปในที่สุด

พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้ป่วยเป็นโรคลำไส้ว่า เป็น

ผลกรรมเมื่อครั้งเป็นเด็กอยู่ชั้นประถมปีที่ ๔ ไปเห็นเขาตอนไก่ นึกสนุกอยาก

จะตอนมั่ง จึงจับไก่มาผ่าท้องควักไส้ออกมาตัดผูก จากนั้นก็จับยัดเข้าไปในท้อง

เหมือนเดิม ส่งผลให้ไก่ตายไปหลายตัว หลวงพ่อได้พูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า

“อาตมารำลึกเหตุการณ์ครั้งอดีตเมื่อเป็นเด็กชั้นประถมปีที่๔ได้

น้ำตาไหลทันทีแหม!พิโธ่เอ๋ย

เราคิดว่าไม่เป็นเวรเป็นกรรมประการใด

แต่กรรมกลับมาซัดตัวเราเองอย่างนี้

ต่อไปนี้จะไม่ฉันแกงไก่ต่อไปแล้ว”

Page 27: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

2� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

๔ พุทธวิธีรักษาโรคกรรม

โรคที่เกิดจากกรรมนี้ จะรักษาด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียว

นั้นอาจไม่ได้ผลต้องอาศัยการรักษาตามแบบพุทธวิธีควบคู่กันไปด้วยจึงจะได้ผล

โดยอาศัยหลักการที่ว่า โรคทั้งหลายมีสาเหตุมาจากกรรม คือ การฆ่าหรือ

เบียดเบียนสัตว์เอาไว้ในอดีตดังนั้นเมื่อเป็นผลแห่งกรรมเก่าวิธีเดียวที่จะแก้ได้

ก็คือ การทำความดีในปัจจุบันให้มากๆ และวิธีการทำความดีเพื่อรักษาโรคนี้

ท่านจำแนกไว้๔ประการด้วยกันคือ

๑. ทำบุญประกอบความดี

ผู้ป่วยที่มีจิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ กังวล ถ้าหากว่าได้มีโอกาสทำบุญ

ตักบาตรถวายสังฆทานปล่อยนกปล่อยปลาหรือไถ่ชีวิตโคกระบือสักครั้งหนึ่ง

มีผลทำให้จิตใจคลายจากความกังวลและมีกำลังใจที่ดีขึ้นอนึ่งด้วยอานิสงส์แห่ง

การทำความดีในครั้งนั้น หากนำมาตั้งสัจอธิษฐานให้เป็นพลังหนุนเนื่องให้หาย

เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยแล้วโรคที่เป็นอยู่ก็จะจางหายไปได้ยกตัวอย่าง

เมื่อครั้งอดีตพระนางโรหิณี ป่วยเป็นโรคเรื้อน รักษาอย่างไรก็ไม่หาย

เพราะโรคเรื้อนที่ท่านเป็นนี้เกิดจากผลกรรมในอดีต ที่เคยเอาผงหมามุ่ยไปใส่ไว้

ในที่นอนของนางรำคนหนึ่ง ด้วยความหึงหวงที่พระราชาพระสวามีให้ความสนใจ

นางมากกว่าพระองค์พระนางได้รับความทุกข์ทรมานและได้รับความอับอาย

ไม่กล้าออกไปสู้หน้าใครๆกระทั่งวันหนึ่งพระอนุรุทธเถระ

พระพี่ชายแนะนำให้พระนางขายเครื่องประดับ

นำเงินที่ได้มาสร้างโรงฉันถวายเป็นวิหารทาน

และให้ทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน

จากนั้นให้นิมนต์พระมาฉัน๘รูปเป็นประจำ

พระนางได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระพี่ชาย

ไม่นานนักพระนางก็หายเป็นปกติ

จะรักษาโรค ได้อย่างไรหนอ

Page 28: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 2�

๒. สวดมนต์รักษาโรค

วิธีนี้เป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงใช้บ่อยครั้งที่สุด ดังเช่น ครั้งหนึ่ง พระ-

มหากัสสปะและพระมหาโมคคัลลานะป่วยเป็นไข้หนัก พระพุทธเจ้าได้เสด็จไป

เยี่ยมและสาธยายบทสวดโพชฌังคปริตร๑ ให้ฟัง เมื่อทรงสาธยายจบพระเถระ

ทั้ง ๒ ก็หายจากอาการป่วย หรือแม้กระทั่งครั้งหนึ่งพระองค์ทรงพระประชวร

ก็ทรงให้พระจุนทเถระ สวดบทโพชฌังคปริตรให้ฟัง ทำให้พระอาการประชวร

หายเป็นปกติ

การสวดมนต์มีผลทำให้จิตใจที่กำลังสับสนวุ่นวายฟุ้งซ่านกังวลห่อเหี่ยว

ด้วยอาการป่วยให้สงบนิ่งเป็นสมาธิผ่อนคลายและรู้สึกสดชื่นยิ่งถ้าได้ทำอย่าง

ต่อเนื่อง จิตใจก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น เมื่อจิตใจเข้มแข็งขึ้นย่อมมีผลต่อร่างกาย ทำให้

ร่างกายแข็งแรงและต่อต้านโรคได้ดียิ่งขึ้น อีกอย่างการสวดมนต์เป็นการทำบุญ

ด้วยใจ มีอานิสงส์มากกว่าการทำบุญอย่างอื่น ดังนั้น เมื่อทำด้วยความตั้งใจ

มีศรัทธาที่แน่วแน่แล้ว ย่อมมีอานุภาพบรรเทากรรมที่เป็นต้นเหตุของโรคให้

หมดไปและหายป่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น

๒.๑) เจริญพระพุทธคุณหายจากโรคอัมพาต เรื่องนี้มีเล่าไว้ในหนังสือ กฎแห่งกรรม วิปัสสนา สื่อวิญญาณ

(ตอนที่ ๔)ซึ่งเป็นเรื่องของลุงพัด แสงจันทร์ชาวจังหวัดหนองคาย

ผู้เล่าคือนายสมพรพิสัยสวัสดิ์ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่

โรงเรียนสระใครนุเคราะห์ท่านเล่าไว้ว่า

ในปีพ.ศ.๒๕๓๒ลุงพัดแสงจันทร์อายุ๗๒ปี

มีอาการแข้งขาไม่มีเรี่ยวแรง

จะเดินไปทางไหนก็ซวนเซล้ม

๑ดูบทสวดโพชฌังคปริตรหน้า๗๓

สวดมนต์ รักษาโรค ได้หรือไม่ พิสูจน์ได้ ด้วยตัวเอง

Page 29: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

2� สวดมนต์ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

หมอวินิจฉัยว่า เป็นโรคข้อเสื่อม ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๓๓ ลุงเกิดหกล้มระหว่าง

กลับจากห้องน้ำส่งผลให้เป็นอัมพาตครึ่งท่อนตั้งแต่บั้นเอวลงไปถึงปลายนิ้วเท้า

ไม่มีความรู้สึก เข้ารักษาที่โรงพยาบาลที่ไหนก็ไม่หาย หมดกำลังใจที่จะทำการ

รักษากระทั่งตัวลุงเองคิดฆ่าตัวตาย

จนวันหนึ่ง อาจารย์สมพร พิสัยสวัสดิ์ ได้ไปเยี่ยมลุง และแนะนำให้

ลุงลองทำตามคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อภาวนาวิสุทธิคุณ (หลวงพ่อจรัญ

ฐิตธัมโม) ที่บอกไว้ในหนังสือว่า ถ้าใครเดือดร้อนอะไร ให้สวดบทสรรเสริญ

พุทธคุณเท่าอายุ + หนึ่งลุงมีความสนใจที่จะปฏิบัติตามจึงให้ลูกสาวเหลาก้าน

มะพร้าว ๗๒ อัน และเริ่มสวดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โดยอาจารย์สมพรได้ย้ำ

กับลุงว่า“การปฏิบัติแบบนี้แล้ว ถ้าไม่หายก็เป็นเพราะตัวเราถึงกาลอายุขัย

ด้วยอานิสงส์ที่ได้เจริญพระพุทธคุณเป็นอารมณ์อยู่เนืองนิตย์ ก็จะได้ไปสู่สุคติ

ภพ จะไม่ตกไปสู่อบายภูมิอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ถึงกาลอายุขัย ก็จะหายวัน

หายคืน”

หลังจากที่ลุงพัดตั้งใจสวดพุทธคุณ๑และแผ่เมตตา๒ ให้กับเจ้ากรรม-

นายเวรติดต่อกัน๒๐วันก็เกิดเหตุอัศจรรย์คือขาของท่านสามารถกระดิกและ

เริ่มขยับได้ผ่านไป๓เดือนลุงก็สามารถเดินได้ด้วยตัวเองภรรยาและลูกหลาน

ต่างพากันดีใจ เมื่อมีใครมาถามว่า“ทำยังไงจึงหาย” ลุงพัดก็จะตอบว่า“หาย

เพราะอานิสงส์การเจริญพระพุทธคุณ ตามแนวปฏิบัติของหลวงพ่อภาวนา-

วิสุทธิคุณ๓ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี”

๑ดูบทสวดพุทธคุณ(บทอิติปิโสเท่าอายุ+๑)หน้า๗๓๒ ดูบทแผ่เมตตาหน้า๗๗-๗๙๓ ปัจจุบันคือพระธรรมสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญฐิตธมฺโม)

Page 30: สวดมนต์ ชนะโรค ชนะภัย ชนะความตาย

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ 2�

๒.๒) สวดมนต์แล้วหายจากโรคหัวใจรั่ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ คุณกุศล นามแก้ว ที่เขียนจดหมายมาเล่าให้

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฟัง ซึ่งหลวงพ่อได้นำมาเล่าไว้ในหนังสือกฎแห่งกรรม

วิปัสสนาสื่อวิญญาณ (ตอนที่ ๘)ว่า

“อานิสงส์แห่งความมีศรัทธา ตั้งใจแน่วแน่ในการสวดมนต์ เจริญกุศล

ภาวนาทำให้หายโรคได้ท่านทั้งหลายจำไว้อย่างหนึ่งว่า

ถ้าคนเข้าถึงธรรมเมื่อใด จะหายจากโรคแน่ๆ

เมื่อวานได้รับจดหมายจากหนองคายฉบับหนึ่ง

มาจากโยมกุศล นามแก้ว ป่วยเป็นโรคหัวใจรั่ว

จะตายอยู่แล้วทำพืชไร่อยู่ที่อำเภอศรีเชียงใหม่

จังหวัดหนองคายเลี้ยงสัตว์ไว้ด้วย

มีเหยี่ยวมารบกวนขโมยก็มาลักของ

เขานั่งกรรมฐานสวดมนต์ช่วยตัวเอง

ไม่ต้องให้คนอื่นช่วยไม่ต้องให้พระช่วย

โรคหัวใจนี่ทำอะไรก็เหนื่อยหากคิดอะไรขึ้นมาละก็ตายเลย

หรือถ้าโกรธก็ตายเลยเขาสวดมนต์เจริญกุศลภาวนาอยู่ ๙ เดือน

ขณะนี้โรคหายไป ๙๐% แล้ว ยังเหลืออีก ๑๐% จึงจะเป็นปกติ หมอบอก

หายได้อย่างไรมีแต่จะตายเท่านั้น

การสวดมนต์นั้น สวดเพื่ออะไร สวดเพื่อต้องการให้มีสติ ช่วยตัวเองได ้

คนที่มาที่นี่มีแต่มาให้พระช่วยไม่ช่วยตัวเองเลยไม่สนใจปฏิบัติกรรมฐานมากัน

เพื่อจะปฏิบัติแลกเหมือนแบบพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ผลสักราย

โยมกุศลนี่ตั้งใจจริงโรคหายไปเลยเขาขอหนังสือสวดมนต์มหาเมตตา

ใหญ่๑วันนี้ส่งไปให้เขาแล้วต้องช่วยตัวเองต้องพึ่งตัวเองต้องสอนตัวเอง”

๑บทสวดเมตตาใหญ่ มีในหนังสือคาถามหาเมตตาใหญ่ แก้ไขเวรกรรม โดย ศักดิ์สิทธิ์พันธุ์สัตย์ผู้สนใจกรุณาติดต่อสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียงโทร.๐๒-๘๗๒-๙๘๙๘

สวด เมตตาใหญ่ โรคร้าย หายขาด